สำนักข่าวไทย 11 เม.ย. – กรมวิทย์ฯ ยันรับวัคซีน 3 เข็ม สร้างภูมิคุ้มกัน ลดความรุนแรง โชว์ผลการศึกษาภูมิคุ้มกันพบว่า BA.2 ไม่หลบภูมิวัคซีน จึงเป็นสาเหตุให้คนติดเชื้อไม่ป่วยหนัก ไม่แสดงอาการ แต่ยังแพร่เชื้อได้ หากรับวัคซีนแค่ 2 เข็ม นานเกิน 1 เดือนต้องรับเข็มกระตุ้น หรือ เข็ม 3
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการติดตามภูมิคุ้มกันของประชาชนที่ได้รับวัคซีน ต่อสายพันธุ์โควิด BA.2 ว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของไทยในระลอก 5 พบสายพันธุ์โอไมครอนเป็นหลัก โดยพบการติดเชื้อวันละหลายหมื่นคน และมียอดผู้ติดเชื้อรวม 3 ล้านคน ส่วนอัตราการรับวัคซีน มีการฉีดไปแล้ว 130 ล้านโดส และ 70 % เป็นการรับวัคซีนเข็ม 2 เข็ม ส่วนวัคซีนเข็ม 3 หรือ เข็มกระตุ้น 35-36% หรือประมาณครึ่งหนึ่ง สถานการณ์ที่เฝ้าระวังในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบการติดเชื้อ BA.2 ถึง 96 % ขณะที่ BA.1 พบแค่ 4% คาดอีก 1- 2 สัปดาห์ ก็จะพบการติดเชื้อเป็น BA.2 100 % เนื่องจากแพร่เร็วกว่า ส่วนเดลตาก็อาจไม่หลงเหลือแล้ว
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนวิธีตรวจภูมิคุ้มกันที่ดำเนินการครั้งนี้ ใช้มาตรฐานเดียวกับมาตรฐานโลก เป็นการศึกษาร่วมกันระหว่างกรมวิทย์ฯ กับอาสาสมัครคนรับวัคซีนของศิริราชพยาบาล ทำการศึกษาทดลองในห้องปฏิบัติการระดับ 3 ของกรมวิทย์ฯ ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการใช้ไวรัสตัวเป็นๆ (BA.2) มาศึกษาทดลอง โดยเอาน้ำเลือดของผู้รับวัคซีนมาเจือจางไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ลดลงครึ่ง เพื่อเป็นจุดที่หยุดการศึกษา ดูมีการเจือจางไปกี่เท่าหรือกี่ไตเตอร์ ใช้เวลาการศึกษา 7-8 วัน โดยผลการศึกษาพบว่าเลือดของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ มีทั้งผู้ที่รับวัคซีน 2 เข็ม ซิโนแวค 2 เข็ม แอสตราเซเนกา 2 เข็ม หรือ ซิโนแวค+แอสตราฯ และวัคซีน 3 เข็ม ทั้งแบบสูตรไขว้ ซิโนแวค 2 + แอสตราฯ 1 หรือ ซิโนแวค 2 +ไฟเซอร์ พบว่าไม่ว่าสูตรไหน ก็ตามปรากฏภูมิคุ้มกันลบล้างเชื้อ BA.2 สูงกว่า BA.1 หมายความว่าภูมิคุ้มกันร่างกายจัดการ BA.2 ได้ดีกว่า BA.1 ดังนั้นสรุปได้ว่า เดิมที่มีความกังวลว่า BA.2 จะหลบภูมิคุ้มกันวัคซีนได้ดีกว่าก็ไม่จริง
ทั้งนี้ หากมองในรายละเอียด จะพบว่าการรับวัคซีนเพียง 2 เข็ม ไม่เพียงพอกับภูมิคุ้มกันการในป้องกัน BA.2 เพราะภูมิย่อมตกลงเรื่อยๆ ผิดกับภูมิคุ้มกันของคนรับวัคซีน 3 เข็มขึ้นไป ที่มีภูมิคุ้มกันสูง โดยเกณฑ์ตัดระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 10 พบว่ารับซิโนแวค 2 เข็ม มานาน 1 เดือน อยู่ที่ 11 ถือว่าน้อย และยิ่งระยะเวลาห่างนานไปภูมิก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ส่วนคนที่ได้รับวัคซีนแอสตราฯ 2 เข็ม ภูมิฯ อยู่ที่ 26 ส่วนการรับวัคซีน 3 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นสูตรซิโนแวค 2 + แอสตราฯ 1 หรือ ซิโนแวค 2 +ไฟเซอร์ 1 ระดับภูมิคุ้มกันยังสูงอยู่ที่ 61 และ 94 ขนาดผ่านมา 3 เดือน ภูมิยังสูงนั้นจึงอยากให้ทุกคนมารับวัคซีน เข็มกระตุ้น ส่วนสูตรไขว้ แอสตราฯ 2 +ไฟเซอร์ หรือ ไฟเซอร์ 3 เข็ม ยังอยู่ระหว่างการทยอยศึกษา
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนน้อยเข็ม ป้องกันได้น้อย แต่การฉีดวัคซีน 3 เข็มป้องกันได้มากกว่า โดยเมื่อเปรียบเทียบคนที่เสียชีวิตในสัดส่วนต่อประชากรล้านคน พบว่าในคน 1 ล้านคน หากไม่ได้รับวัคซีนจะมีการเสียชีวิต 767 คน หากได้รับวัคซีน 1 เข็ม จะมีคนเสียชีวิตลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 366 คน และหากรับวัคซีน 2 เข็ม เสียชีวิตลดลง 145 คน และฉีดครบ 3 เข็ม ก็จะเหลือเสียชีวิต 25 คน ทั้งนี้พบว่า คนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ลดการเสียชีวิตถึง 5 เท่า และคนที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ลดการเสียชีวิตลดลง 31 เท่า ดังนั้นเมื่อรับวัคซีน จะมีภูมิคุ้มต่อ BA.2 ดีกว่า BA.1 และหากรับวัคซีน 2 เข็ม เกิน 1 เดือน ควรรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ทั้งนี้ การรับวัคซีนที่กระชั้นชิดไปก็ไม่ดี ในบางชนิด บางยี่ห้อ ดังนั้นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ภายใน 1-3 เดือน และย้ำว่าการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยลดความรุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งเห็นได้จากขณะนี้การติดเชื้อคนมีอาการไม่รุนแรง เพราะภูมิคุ้มกันได้จัดการไวรัสไประดับหนึ่ง แต่ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ยังติดเชื้อได้ และแพร่เชื้อได้ โดยในช่วงสงกรานต์ก็ขอให้มารับวัคซีน สามารถรับได้ที่ รพ.สต.และสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง .-สำนักข่าวไทย