กรุงเทพฯ 8 พ.ค. – ส.อ.ท.ลงนาม MOU ร่วม 9 หน่วยงานรัฐ-เอกชน สร้างความมั่นคงด้านน้ำ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รองรับภัยแล้ง น้ำท่วม และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ 9 หน่วยงานหลักด้านน้ำ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ภายใต้แนวคิด “น้ำมั่นคง น้ำยั่งยืน” เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจน้ำที่สามารถรับมือกับความท้าทาย ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดร.ชนะ ภูมี ประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ส.อ.ท. กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโดยรวม จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากทรัพยากรน้ำที่มีจำกัด โดยยึดหลัก “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ปี 2564 ระบุว่า ประเทศไทยมีประสิทธิภาพการใช้น้ำเฉลี่ยเพียง 7.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตร หรือราว 238 บาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 3 เท่า โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมที่ใช้น้ำ 75% ของประเทศ แต่สร้างมูลค่าเพียง 11.4 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและบริการใช้น้ำน้อยกว่า แต่สร้างมูลค่าสูงถึง 1,059 และ 931 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ สะท้อนโอกาสในการพัฒนาการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ชนะ ย้ำว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ด้านทรัพยากรน้ำ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการขับเคลื่อนให้การจัดการน้ำเป็นภารกิจร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ใช่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แม้ประเทศไทยจะมีประสบการณ์รับมือกับน้ำท่วมและน้ำแล้ง แต่การผนึกกำลังครั้งนี้จะช่วยสร้างระบบบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และยั่งยืน หน่วยงานที่ร่วมลงนาม MOU ได้แก่ 1. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 2. กรมชลประทาน 3. กรมทรัพยากรน้ำ 4. กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 5. สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) 6. กรมอุตุนิยมวิทยา 7. กรมควบคุมมลพิษ 8. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) 9. สมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย และพันธมิตร ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานความร่วมมือ. -512-สำนักข่าวไทย