สธ.7 ต.ค.-ปลัด สธ.เผยพบการระบาดโควิด-19 ในภาคใต้รวม 3 สายพันธุ์ ใช้ทุกมาตรการ เร่งเพิ่มและฉีดวัคซีน ควบคุมการระบาด คาดภายใน 1 เดือนสถานการณ์จะดีขึ้น
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศขณะนี้ ว่า สถานการณ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ค่อยๆ ลดลงตามลำดับ อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ส่วนต่างจังหวัดตัวเลขการติดเชื้อ ลดลงช้าๆ ยกเว้น 4 จังหวัดชายแดนใต้ ที่พบว่ามีการระบาดเพิ่มมากขึ้น และพบการ ระบาดใน 3 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์อัลฟา สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์เบตา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะใช้มาตรการต่างๆ ลงไปควบคุมการระบาด เช่น Universal Prevention การเข้มตัวเองขั้นสูงสุด Covid Free Settings ร่วมกับการตรวจ atk
นอกจากนี้ภาครัฐจะสนับสนุนวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้น คงการรักษาในโรงพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพเพราะหากไม่ดำเนินมาตรการใดๆ และปล่อยไว้อาจทำให้สถานการณ์การระบาดสูงขึ้นเหมือนกรุงเทพฯในช่วงที่ผ่านมาได้ ส่วนสถานการณ์เตียงในภาคใต้ พบว่ายังมีเพียงพอ คาดอีก 1 เดือน สถานการณ์จะดีขึ้น
ปลัด สธ.กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์วัคซีนของไทยขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนได้รวมกว่า 57,380,000 โดส เป็นผู้ที่รับเข็ม 1จำนวน 33.7 ล้านคน คิดเป็น 46.9 เปอร์เซนต์ เข็ม 2 อยู่ที่ 22 ล้านคน คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ เข็มที่ 3 กว่า1 ล้านคนคิดเป็น 2 เปอร์เซนต์ ส่วนสัดส่วนการฉีดตามประชาชน พบว่าดีขึ้น กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้ถึง 59.3 เปอร์เซนต์ ในเข็ม 1 กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง อยู่ที่ 62 เปอร์เซนต์ และตัวเลข คิกออฟเมื่อ วันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา อายุ 12-18 ปี ตั้งเป้าหมายไว้ 4 ล้านคน ปัจจุบัน ฉีด 74,500 คน ร้อยละ 1.7
ขณะที่เป้าหมายวัคซีนในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าจะ มีวัคซีนเพียงพอ สามารถจัดการให้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด โดยหลังสิ้นเดือน ต.ค.คาดว่า เข็ม 1จะได้ถึง 43 ล้านคน คิดเป็น 61 เปอร์เซนต์ ,เข็ม 2 ได้ถึง 26 ล้านคน หรือ37 เปอร์เซนต์ หากสามารถทำได้ตามที่วางแผนไว้ มีวัคซีนเพียงพอสิ้นเดือน พ.ย.จะมีวัคซีน ในเข็ม 1 ประมาณ 75 เปอร์เซนต์ ,เข็ม 2 ประมาณ 55 เปอร์เซนต์ เป็นไปตามมาตรการโลก ในประเทศที่พัฒนาแล้ว และสิ้นเดือน ธ.ค.จะฉีดได้ครอบคลุมประชาชน 85 เปอร์เซนต์ ในเข็มแรก และเข็ม 2 จำนวน 70เปอร์เซนต์ ซึ่งสิ้นเดือน ธ.ค.จะทำให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และวันที่1 ม.ค.ปีหน้า หากเป็นตามแผนสถานการณ์จะคลี่คลาย ได้มาก การดำเนินชีวิตจะกลับมาปกติสุข แบบนิวนอมอล ต่อไป
ปลัด สธ.กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อขณะนี้มาถึงทางแยกที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการหลังจากล็อกดาวน์มา 2 เดือน ซึ่งจะเริ่มพิจารณาแนวทางผ่อนคลายต่างๆมากขึ้น ควบคู่กับแนวทาง Universal Prevention คือ การเข้มตัวเองขั้นสูงสุด โดยเฉพาะการรวมตัวกันในสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านอาหาร โรงหนัง จึงนำมาสู่แนวทางมาตรการ Covid Free Settings ซึ่งจะถูกบังคับใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด จะเป็นมาตรการที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะเปิดประเทศเดือน พ.ย.-ธ.ค.มาตรการที่ออกมาจึงเป็นการเตรียมพร้อมก่อนเปิดประเทศอย่างปลอดภัย .-สำนักข่าวไทย