“สรวงศ์” ฝาก “ทูตจีน” เคลียร์ปมปล่อยข่าวไทยไม่ปลอดภัย

ทำเนียบ 7 ม.ค.-“สรวงศ์” ฝาก “ทูตจีน” เคลียร์ปมปล่อยข่าวไทยไม่ปลอดภัย ระบุให้รอตำรวจสอบสวน หลังพบตัว “ซิงซิง” รับกระทบท่องเที่ยวระยะสั้น พร้อมเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงข้อสั่งการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ติดตามกรณี “ซิงซิง” นักแสดงจีน สูญหายชายแดนไทย-เมียนมา ว่า เรื่องของ “ซิงซิง” ตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับทราบ ได้มีการกำชับมายังตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจภูธรภาค6 พร้อมประสานไปที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้รับคำยืนยันว่า ว่าเดินทางเข้าประเทศไทยจริง และได้มีการประสานไปยังสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อติดตาม ซึ่งพบตัวตั้งแต่เย็นวานนี้ (6 ม.ค.) โดยได้รับการประสานจากทางการเมียนมา และจะมีการส่งมอบ ตัวข้ามแดนให้กับ ไทยภายในวันนี้


ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวไม่ใช่เป็นครั้งแรก ส่วนในการสืบสวนสอบสวนทางตำรวจจะออกมาชี้แจงอีกครั้ง ว่า “ซิงซิง” เข้ามาทำงานจริงหรือไม่ หรืออาจขาดการติดต่อ หรือเป็นการหลอกลวงตั้งแต่ต้นทาง ประเทศไทยถือเป็นเป้า และตนได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยแล้ว และอยากให้สถานทูตช่วยด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปล่อยข่าวที่ประเทศจีน ว่ามาประเทศไทยไม่ปลอดภัย

“ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กรณีแรก ขอให้รอฟังความชัดเจนจากตำรวจหลังจากรับตัว แล้วจะดำเนินการอย่างไร พร้อมทั้งยอมรับว่ากระทบการท่องเที่ยว พอเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่ระยะยาว ทั้งนี้การพบตัวแล้ว เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงท่องเที่ยวฯ สร้างความเชื่อมั่น ให้กับนักท่องเที่ยว ผมมั่นใจว่าคนที่เคยมาประเทศไทยแล้ว เข้าใจสถานการณ์” นายสรวงศ์ กล่าว


เมื่อถามว่ากรณี นายชวน หลีกภัย สส.พรรคประชาธิปัตย์ เคยเตือนปัญหาเหล่านี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศไทย
ประเทศเพื่อนบ้านก็ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการ แก๊งมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ซึ่งตนเป็น สส.ชายแดน ได้ช่วยเหลือพี่น้องหลายคนได้กลับมา สัปดาห์หนึ่งจำนวนไม่น้อย สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าจะขจัดปัญหาเหล่านี้ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เหตุเกิดน้อยลง แต่วิธีการก่อเหตุเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่ความเสียหายอาจเท่าเดิมหรือมากขึ้น เพราะจำนวนเงินที่มีการหลอกลวงแต่ละครั้งมีมูลค่ามากขึ้น ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา รวมถึงการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมมือกัน พร้อมทั้งยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทำกันเป็นกระบวนการ ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา ก็มี

นายสรวงศ์ ยอมรับว่า ส่วนตัวก็เกือบโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเช่นกัน ดังนั้น ต้องช่วยกันกระจาย วิธีการหลอกลวงใหม่ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบ

ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปีนี้จะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า เป็นวิสัยทัศน์และเป็นเป้าหมาย ที่ต้องพยายามทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น นายทักษิณ พูดหรือใครพูดก็ตาม ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีความคิดอยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องปราบให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นปัญหากับประชาชน และทำให้เร็วที่สุด.-315.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า-กทม.อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคกลาง รวม กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนในตอนกลางวัน

ไฟไหม้วัดไทยในนิวยอร์ก เสียชีวิต 2 ราย

เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่วัดไทยในเขตบรองซ์ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพระไทยที่จำพรรษาในวัด

ปฏิบัติการกวาดล้าง “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งขนยาเสพติดรายใหญ่ของภาคเหนือ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท หลังพบช่วง 2 ปีนี้ ขนไอซ์จากชายแดนลงไปภาคกลางไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เฉพาะที่ถูกจับได้ 3 ครั้ง ยึดไอซ์ได้กว่า 3,000 กิโลกรัม