ยังไม่พบโควิดกลายพันธุ์ ทั้งมิวและC.1.2 ในไทย

สธ. 6 ก.ย.- กรมวิทย์ แจงยังไม่พบโควิดกลายพันธุ์ ทั้งมิวและC.1.2 ในไทย พร้อมชี้ WHO ยังจับตาสายพันธุ์ที่ห่วงกังวล แค่ 4 สายพันธุ์“อัลฟา-เดลตา-เบตา-แกมมา” เท่านั้น ส่วนมิวถูกจัดอันดับอยู่ในกลุ่มน่าสนใจ แต่ C.1.2 ยังไม่ถูกจัดอันดับอะไร แต่พบว่าทั้งมิว และ C.1.2 พบมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่ง E484K ที่มีพบต่อการหลบภูมิและเตรียมเปลี่ยนปรับการสุ่มตรวจค้นหาเชื้อในไทยใหม่ตามหลักระบาดวิทยา ให้ครอบคลุมมากขึ้น คาดสิ้น ธ.ค. ตรวจมาก 12,000 ตัวอย่าง


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด19 ในประเทศไทยว่า จากการติดตามสถานการณ์และสุ่มตรวจหาเชื้อจำนวน 1,523 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.–3 ก.ย. 64 พบว่า เป็นสายพันธุ์ อัลฟา 75 คน ,เดลตา 1,417 คน และเบตา 31 คน ซึ่งหากมีการเปรียบเทียบสัดส่วนการแพร่ระบาดของแต่ละสายพันธุ์ จะพบว่าสายพันธุ์เดลตา เป็นสายพันนธุ์หลักของการระบาดในไทยขณะนี้คิดเป็นร้อยละ 93 ส่วนในพื้นที่ กทม.สายพันธุ์เดลตา มีสัดส่วนการระบาดถึงร้อยละ 97.6 พร้อมกล่าวว่า นับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ถึง 13 ล้านตัวอย่าง และยังมีนอกระบบในช่วงที่มีการระบาดหนัก อีกส่วนหนึ่ง คาดว่ามีการตรวจรวม 15 ล้านตัวอย่าง

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากการจัดอันดับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการติดตามการกลายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงกังวล (VOC) ยังมีแค่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ อัลฟา เดลตา เบตา และแกมมาเท่านั้น ยังไม่มีสายพันธุ์อื่นเพิ่ม เนื่องจากอัลฟาแพร่เร็ว, เดลตาแพร่เร็วและหลบภูมิคุ้มกัน ส่วนเบตา และแกมมา พบว่าอาจแพร่เร็วไม่เท่าสายพันธุ์อื่นแต่พบว่าหลบภูมิและดื้อต่อวัคซีน ส่วนการจับตาการกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ (VOI ) ขณะนี้ สายพันธุ์มิว ยังอยู่ในกลุ่มนี้ พบการระบาดมากในประเทศโคลอมเบีย ร้อยละ 40 และพบการกลายพันธุ์ในตำแหน่งสำคัญ คือ E484K ที่มีพบต่อการหลบภูมิ ดังนั้นต้องมีการติดตามใกล้ชิดต่อไป ส่วนสายพันธุ์ C.1.2 ที่แม้ขณะนี้ WHO ยังไม่ได้มีการระบุว่าอยู่ในกลุ่มไหน เนื่องจากยังมีข้อมูลน้อยอยู่ แต่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง ในตำแหน่ง E484K ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามต่อไปเช่นกันและขณะนี้ทั้งมิว และ C.1.2 ยังไม่พบการระบาดในไทย


นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ในอนาคตเตรียมปรับเปลี่ยนการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด -19 ใหม่ ใน 4 เดือนจากนี้จนถึง เดือนธันวาคมเพื่อให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย เบื้องต้นตรวจ 12,000 ตัวอย่าง โดยการตรวจจะอ้างอิงตามหลักวิชาทางระบาดวิทยา 1.เน้นการดักจับและเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ที่จะเข้ามาในไทย ทั้งตามด่านตรวจ หรือแหล่งท่องเที่ยว 2.การสุ่มตรวจในภาพรวม เพื่อสะท้อนการติดเชื้อและสายพันธุ์ที่ระบาดในไทย โดยจะร่วมกับมหาวิทยาลัยของรัฐ ทั้ง มอ., จุฬาลงกรณ์, รามาธิบดี และมีการรายงานต่อศูนย์ข้อมูลระดับโลก เช่น GISAID ทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งก็เป็นธรรมดาเมื่อตรวจมากขึ้น มีการรายงานมากขึ้นก็อาจพบสายพันธุ์ไทยได้ในอนาคต ดังนั้นก็ขอให้เข้าใจและอย่าตกใจในเรื่องนี้ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

มือฆ่า 3 ศพ ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่น

มือฆ่า 3 ศพ เปิดปากครั้งแรก ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป รู้ว่าไม่สมควร ยืนยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่นเพราะแม่เด็กยื้อแย่งปืน

จับแล้วหนุ่มใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิต

ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รวบตัว “นายก๊อง” ได้แล้ว หลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ตร.ออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ ดับปริศนา

ตำรวจออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ เสียชีวิตปริศนาในโรงแรม พบเข้าไทยถูกกฎหมาย ชุดสืบฯ เตรียมรวบตัวเร็วๆ นี้ หลังพบพิกัดยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ผู้ช่วย รมต.จีน บินลงพื้นที่แม่สอด เตรียมรับคนจีนกลับประเทศ

นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน บินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมข้ามฝั่งพบ รมต.มหาดไทยของเมียนมา รับคนจีนกลับประเทศจีน