นครสวรรค์ 30 ส.ค.- แพทย์ยืนยันผลชันสูตรชัด เหยื่อของอดีต ผกก.โจ้ เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ทำให้คดีนี้เตรียมถูกโอนเข้ากองปราบ
หลังจากตอนเช้า โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการเสียชีวิตของนายนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี เหยื่อ อดีต ผกก.โจ้และพวก กรณีสันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน ฉบับที่ 2 ภายหลังผลชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายจิระพงศ์ว่า โรงพยาบาลได้ส่งมอบผลชันสูตรให้ พนักงานสอบสวนแล้วส่วนรายละเอียดผลชันสูตรแล้ว และโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ล่าสุด พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม คณะทำงานพนักงานสอบสวน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ผลการชันสูตรศพฉบับเต็มได้ถึงมือทีมพนักงานสอบสวนแล้ว เบื้องต้นจากได้อ่านแล้วชัดเจนว่า แพทย์ได้ลงความเห็นการเสียชีวิตของเหยื่อ ชี้ชัดว่า เกิดจากการขาดอาการหายใจ ส่วนผลยาเสพติด พบว่ามีอยู่บ้าง แต่สรุปภาพรวมไม่ใช่สาเหตุการตายจากการเสพยาเสพติด และวันนี้ได้มีการโอนคดีนี้ไปยังส่วนกลางทั้งหมด รวมถึงตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน จะถูกส่งไปฝากขังที่เรือนจำที่กรุงเทพฯ ด้วย
ทั้งนี้หากยังจำกันได้ ใบรับรองการตายในวันที่ 6 สิงหาคม ที่ออกโดยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ได้เขียนว่า สันนิษฐานว่า พิษจากสารแอมเฟตามีน ซึ่งสารตัวนี้ ปกติทางการแพทย์จะบอกว่าเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หรือให้เรียกเข้าใจง่ายๆ ภาษาชาวบ้าน คือ ผลตรวจสอบ คือ เสพยาบ้าเกินขนาด จากนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทำให้โรงพยาบาลต้องออกมาชี้แจงอีกครั้งแบบร่ายยาวว่า ผู้เสียชีวิตได้รับการส่งตัวมาจากโรงพยาบาลปริ้นส์ปากน้ำโพ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม เวลา 19.20 น. และเสียชีวิตในวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 13.00 น. โดยทราบประวัติจากโรงพยาบาลพริ้นส์ปากน้ำโพ ว่าผู้ตายวิ่งหนีตำรวจขณะจับยาเสพติดแล้วล้มลงหมดสติ ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวขณะอยู่โรงพยาบาล ซึ่งการตรวจคัดกรองปัสสาวะพบสารเมทแอมเฟตามีนและสารแอมเฟตามีน ทำให้ลงสาเหตุการตายเบื้องต้นในหนังสือรับรองการตายว่า สันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน พร้อมกับย้ำว่าหนังสือรับรองการตายที่แพทย์ออกให้ หลังการผ่าพิสูจน์ทันที เพื่อให้ญาติไปทำมรณบัตรเป็นเพียงข้อมูลขั้นต้น ที่อาจเหมือนหรือแตกต่างจากรายงานการชันสูตรพลิกศพที่มีในภายหลังได้ เพราะผลตรวจชิ้นเนื้อจากกล้องจุลทรรศน์และผลตรวจทางห้องปฏิบัติพิษวิทยาที่ออกมาภายหลัง จะทำให้สรุปสาเหตุการตายได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
คดีนี้ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า อัยการและตำรวจยืนยันตรงกันว่า เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้ จำเป็นต้องสอบปากคำอัยการต้องร่วมสอบด้วย และต้องเร่งให้เสร็จโดยเร็ว การชันสูตรผลิกศพต้องนำคำร้องไปยื่นต่อศาลว่าผู้ตายคือใคร ตายอย่างไร ต้องไปประกอบสำนวน การลงพื้นที่ดูประกอบพื้นที่ ดูภาพจำลอง ดูร่องรอย การตรวจบาดแผล
ความเห็นแพทย์ประกอบ ผลการตรวจแพทย์ ทุกอย่างจะนำมาประกอบในสำนวน รวมถึงย้ำว่าไม่ต้องกังวล เพราะว่าการตรวจสำนวนการตายโดยวิสามัญฆาตกรรม มั่นใจได้ว่าตำรวจไม่ได้ทำฝ่ายเดียว โดยทันทีที่เห็นว่าตำรวจทำสำนวนไม่โปร่งใส อัยการจะสั่งให้ตรวจสอบเพิ่ม เป็นสิ่งกฎหมายบังคับกฎหมาย มุ่งเน้นให้อัยการมาร่วมตรวจสอบสอบสวน ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมแจ้งอัยการได้ ความผิดต่อแผ่นดินสามารถร้องทุกข์ได้.-สำนักข่าวไทย