ดีเอสไอ เผยใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ

กทม. 25 เม.ย.-ดีเอสไอ เผยใช้ AI จับพิรุธฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ ใช้หลักสถิติ เปิดกล้องจับผิดกระบวนการ ลั่น! สอบความผิดปกติทั้งหมด ยืนยันทำงานตรงไปตรงมา

พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ฟอรั่มฮอลล์ อิมแพคเมืองทองธานี ติดตามการจำลองเหตุการณ์การเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อ 26 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาว่า เป็นไปตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ และพยานที่เป็นผู้สมัครที่เป็นผู้ร้องเรียนพาชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องที่เป็นการเลือกระดับประเทศ และมีการกล่าวหามีการพบโพย มีการรวมตัว และภาพพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด โดยจะสามารถนำมาวิเคราะห์ รวมถึงจำลองสถานการณ์ เพื่อเวลาเรียกพยานมาชี้แจงจะได้ทราบ และสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงกับพยานหลักฐานบุคคล และวัตถุ รวมถึงผลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงคะแนนซ้ำ ๆ กันได้


ส่วนการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ขอลงรายละเอียดในเชิงเทคนิค แต่ชี้แจงว่า จะใช้เทคนิค AI มาวิเคราะห์ ซึ่งหากได้ภาพทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่ ทั้งผู้สมัครและผู้เข้าร่วมว่า ใครอยู่จุดใด และมีพฤติกรรมอย่างไร ก็จะสามารถจับ และวิเคราะห์ได้ทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่า เป็นไปตามพยานอื่นๆ หรือไม่ โดยการใช้ AI จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นหลักฐานที่มีความหนักแน่น

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังยืนยันว่า การลงพื้นที่เพื่อจำลองเหตุการณ์ในวันนี้ จะเป็นประโยชน์ เพื่อให้ทราบว่าจุดเกิดเหตุใดอยู่ในจุดไหนบ้าง รวมถึงยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดมาประกอบ หรือมีการพบโพยในห้องน้ำจุดใด โดยหลังจากนี้ก็จะมีการกลับไปเปรียบเทียบ พยานหลักฐานทั้งหมดว่า เพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้อเท็จจริงกระจ่างหรือไม่ ซึ่งโพยที่พบก็ถือเป็นหลักฐานชนิดหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่สอบสวนจะนำไปพิจารณา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเช่นเดียวกัน


พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาว่า จะต้องรอพิสูจน์ให้ชัดเจนว่ามีคนใดบ้างที่กระทำความผิด ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์พยานหลักฐานให้มีความชัดเจนก่อนมีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนที่ไปร่วมมือกับกกตในการตรวจสอบนั้น ก็จะแยกเป็นความผิดที่เกิดขึ้นกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เพื่อพิสูจน์การเลือก สว.ไม่เป็นธรรม โดยที่พอดีทั้ง 2 ส่วนไม่จำเป็นจะต้องเสร็จสิ้นพร้อมกัน ตามที่ กกต.ได้ตั้งเป้าหมายการสอบสวนคดีการเลือก สว.ไม่เป็นธรรมไว้ว่า จะให้แล้วเสร็จในเดือนหน้า

ส่วนภาพนิ่งที่มีการถ่าย และส่งต่อกันจะเป็นประโยชน์หรือไม่นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า อยู่ในระหว่างการวิเคราะห์ว่า สอดคล้องกับบัตรลงคะแนน ที่เป็นไปตามโพยที่พบหรือไม่ และจะมีการใช้สูตรคำนวณ เพราะหากการลงคะแนนเป็นไปตามโพย มีการลงคะแนนซ้ำ ๆ ในหลาย ๆ บัตร ก็อาจจะต้องมีการวิเคราะห์ว่า มีการกระทำจัดตั้งเป็นกลุ่มบุคคล เพื่อทำให้การเลือกไม่เป็นโดยสุจริตหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักสถิติ และหากได้ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ และไปสอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่น ๆ ก็จะทำให้พยานหลักฐานมีน้ำหนักมากขึ้น แต่หากไม่ตรงก็จะเป็นการหักล้างกัน จึงยืนยันได้ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยความตรงไปตรงมาด้วยการนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย

ทั้งนี้ องค์ประกอบอื่นๆ เช่น การเดินทางมาพร้อมกัน พักด้วยกัน หรือการใส่ชุดเหมือนกัน จะมีการนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่า จะมีการนำมาพิจารณาด้วยทั้งหมด ซึ่งหากมีหลักฐานใดๆ ก็สามารถนำมาพิจารณาได้ทั้งหมด


พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ภาพกล้องวงจรปิดจะโชว์ใบลงคะแนนทีละใบแทบจะ 100% ที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ ส่วนการที่ดรมการปกครองออกหนังสือ ในชั้นนี้ยังไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน

ด้านนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ได้เดินทางมาสอบถามเรื่องภาพกล้องวงจรปิด และหีบการลงคะแนน ซึ่งได้สอบถามว่าจะมีการเปิดหีบหรือไม่ และกล่าวว่ากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือไป ภายใต้สังกัดว่าไม่ให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ซึ่งเป็นการสกัดไม่ให้ข้อมูลกับดีเอสไอ

นอกจากนี้ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ นำรูป พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. เป็นรูปจี้ห้อยสร้อยคอ พร้อมบอกว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ไม่สมควรได้รางวัลจากหน่วยงานองค์กรดีเด่น ซึ่งเหมาะกับรางวัลจี้พญ.เกศกมล เพราะตนหมดเงินกับการร้องเรียนไปจำนวนมาก อยากมอบรูปภาพนี้ให้นายแสวง บุญมี และ กกต.

ขณะที่ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ สว. สำรอง ได้โชว์เอกสารที่ระบุเป็นโพยฮั้วเลือก สว. ที่ตกอยู่ในห้องน้ำ โดยกล่าวว่า ผู้สมัคร สว. ระดับประเทศที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดน่าจะขยำทิ้งไว้ในห้องน้ำแต่ไม่ลงถัง คนที่เข้าห้องน้ำต่อจึงเก็บได้ แล้วถ่ายรูปส่งมาในไลน์ เมื่อแกะดูพบว่าคะแนนตรงกันกับ สว. ที่ได้รับเลือกทุกกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีโพยที่ 2-3 ตามมา รวมเป็นสิบกว่าโพย แต่ละโพยจะมีหัวรายชื่อ ประมาณ 7 คน รวมเป็นจำนวน 140 คน เกาะกลุ่มกันทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริง ใน 140 รายชื่อ เป็น สว.ตัวจริง 138 รายชื่อ ซึ่งในวันนี้ดีเอสไอพยายามนำ CCTV มานำเสนอ แต่ยังไม่ครอบคลุม จึงมีการประสานงานกันต่อว่าจะขอร้องให้ กกต. เปิดหีบ เพื่อดูบัตรที่อยู่ในกล่อง โดยเฉพาะในรอบสุดท้ายที่มีการเลือกไขว้จะรู้ว่าที่มาของ สว. ที่ได้ 70-80 คะแนน มีที่มาอย่างไร โดยเรากำลังประกาศกับดีเอสไอว่าหากหีบเปิดไดยิ่งดี แต่ถ้าเปิดไม่ได้อาจดูจากกล้อง CCTV เพราะมีบันทึกไว้อยู่แล้ว เราจะเห็นว่าเป็นหลักฐานจะได้รู้ว่าไม่มโน 

ส่วนที่มีเสียงสะท้อนว่า สว. สำรองก็ฮั้วเหมือนกันแต่ไม่ชนะ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.ท. คำรบ กล่าวทันทีว่าไม่เป็นไร ใครมีพยานหลักฐานก็ขอให้เอามาเปิดเผยได้ เพราะเรื่องนี้มันกล่าวหากันได้หมด สว. สำรองบางส่วนก็มีปัญหา โดนดีเอสไอตรวจสอบด้วยเหมือนกัน ไม่ต่ำกว่า 2-3 คน ทั้งที่ฮั้วและไม่ฮั้ว แต่ได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม 

ทั้งนี้ กรอบเวลา 1 ปี ที่ กกต. ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ สว. ตัวจริงตอนนี้ใกล้ครบเวลาแล้ว กังวลหรือไม่ว่า กกต. จะทำงานไม่ทน พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า การตรวจสอบดังกล่าวเป็นระเบียบภายในที่ต้องส่งให้บอร์ด กกต. ภายใน 1 ปี ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่พบว่าตามกฎหมายเกิน 1 ปีได้หรือไม่ ที่ผ่านมาประชาชนยังไม่ได้ฟังจาก กกต. ชัดเจนว่า 1 ปีสามารถขยายได้หรือไม่ ซึ่งตนคิดว่า 1 ปีควรจะจบได้แล้ว.-414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย