ครอบครัว “อดีตผู้กำกับโจ้” ขอพบแพทย์ฟังผลชันสูตรครั้งที่ 2

กรุงเทพฯ 10 มี.ค. – กรมราชทัณฑ์ร่อนหนังสือชี้แจงซ้ำประเด็นการเสียชีวิตของ “อดีตผู้กำกับโจ้” ด้านครอบครัว และทนายอดีตผู้กำกับโจ้ ติดตามการชันสูตรศพซ้ำ และสอบถามแพทย์ถึงประเด็นที่ยังคาใจ ก่อนนำร่างไปบำเพ็ญกุศลในช่วงเย็นวันนี้ (10 มี.ค.)


ที่ตึกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นางสาวจันทา แม่ของ “อดีตผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล และครอบครัว พร้อมด้วยนายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความ เดินทางมาติดตามผลการชันสูตรศพของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากนำร่างไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาแล้ว แต่ยังมีประเด็นสงสัย โดยตั้งแต่แม่และญาติมา ด้ไปติดต่อด้านเอกสารทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ

ส่วนทนายบอกกับสื่อสั้นๆ ว่าตอนนี้ยังไม่มีประเด็นอะไรเพิ่ม ข้อมูลยังเหมือนเมื่อวาน และเรื่องการให้ปากคำกับตำรวจ ครอบครัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ได้ประสานขอเลื่อนเพื่อมาดำเนินการเรื่องงานศพให้แล้วเสร็จ และรอผลชันสูตรรอบนี้ด้วย เพราะคาดหวังว่าหลังผลชันสูตรเบื้องต้นในวันนี้ออกมาน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ผลชันสูตร ระบุว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ และคาดว่าจะกระทำด้วยตัวเอง ส่วนการเคลื่อนร่างของอดีตผู้กำกับโจ้ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร คาดว่าจะเป็นช่วงบ่าย เนื่องจากจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. และมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพในเวลา 18.30 น. ซึ่งพิธีจะมีไปจนถึงวันที่ 16 มีนาคมนี้ แต่ยังไม่มีกำหนดการฌาปนกิจศพจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการเสียชีวิต


ขณะที่ พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุว่า แม้วันนี้ที่ สน.ประชาชื่น จะไม่มีการประชุมคดีของอดีตผู้กำกับโจ้ แต่ประเด็นต่างๆ ของอดีตผู้กำกับโจ้ ได้เริ่มกระบวนการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องมาเป็นเดือนแล้ว ส่วนประเด็นผ้าขนหนู และวัตถุพยานต่างๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ ต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งผลแพทย์ ผลตรวจพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงกล้องวงจรปิด และพยานบุคคล เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน

ด้านราชทัณฑ์ร่อนหนังสือชี้แจงเพิ่มเติม 5 ข้อ ย้ำว่าอดีตผู้กำกับโจ้ ไม่ได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตภายในเรือนจำ

ข้อแรกระบุว่าประเด็นการรักษา อดีตผู้กำกับโจ้ นอกจากมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยา ยังเคยปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์เรื่องปัญหาการนอน ความกังวลเรื่องคดีความ และการดำเนินชีวิตในเรือนจำ โดยมีการนัดหมายติดตามการรักษา


ข้อ 2 ประเด็นปัญหากระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ เมื่อวันที่ 8 มกราคม ได้นำกล้องถ่ายรูปเรือนจำไปถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานเรือนจำจึงยึดคืน แต่ผู้ต้องขังไม่ส่งคืน มีการพูดจาโต้เถียงกัน แต่ไม่มีเหตุทำร้ายร่างกาย เรือนจำได้ตั้งคณะกรรมการสอบกรณีผู้ต้องขังถูกกล่าวหากระทำผิดวินัย แสดงกิริยาวาจาไม่เหมาะสมต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของเรือนจำ และวันที่ 10 มกราคม ได้ย้ายผู้ต้องขังจากแดน 7 ไปยังแดน 5

ข้อ 3 ประเด็นห้องคุมขัง ปกติห้องของผู้ต้องขังเป็นห้องที่อยู่กัน 4-5 คน แต่ได้ให้อดีตผู้กำกับโจ้อยู่คนเดียว ไม่ต้องแออัดกับผู้ต้องขังอื่น และเป็นห้องใช้คุมขังเฉพาะกลางคืน ส่วนกลางวันออกไปทำกิจกรรมได้ปกติ ไม่ได้บังคับโทษขังเดี่ยว โดยห้องคุมขังมีขนาด 8.74 ตารางเมตร มีพื้นที่นอน พื้นที่อาบน้ำ ห้องน้ำ พัดลมดูดอากาศ พัดลมเพดาน มีไฟส่องสว่าง ไม่ใช่เป็นการคุมขังให้เกิดการทรมานแต่อย่างใด

ข้อ 4 ประเด็นแฟนและน้องผู้ต้องขังยื่นขอความเป็นธรรมว่าผู้ต้องขังถูกกลั่นแกล้ง และถูกเจ้าพนักงานเรือนจำทำร้ายเมื่อวันที่ 8 มกราคม เรือนจำได้ส่งผู้ต้องขังไปตรวจ 2 ครั้ง แพทย์ไม่ได้ระบุรอยฟกช้ำเกิดจากการทำร้ายร่างกาย ผู้บัญชาการเรือนจำได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ต่อมาผู้ต้องขังไม่ประสงค์ให้สอบสวนต่อ และลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการบังคับ

ข้อ 5 ประเด็นเรื่องอาหารที่อ้างว่าไม่ถูกสุขลักษณะ บางวันไม่มีเนื้อสัตว์ ยืนยันว่ากองบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขในเรือนจำ กำหนดเมนู สารอาหาร และพลังงานที่ผู้ต้องขังจะได้รับ เรือนจำมีป้ายเมนูทุกเดือนของปีงบฯ 2568 แสดงให้ทราบ ส่วนการตัก เจ้าพนักงานคอยควบคุม เพื่อให้ปริมาณเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ

ข้อ 6 ประเด็นผ้าขนหนูที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีข้อสงสัยเรื่องความยาว ย้ำว่าที่กรมราชทัณฑ์จัดสรรให้ หากเป็นของผู้ชายมีขนาดกว้าง 23 นิ้ว ยาว 44 นิ้ว สีน้ำตาลเข้ม ส่วนผู้หญิง กว้าง 22 นิ้ว ยาว 47 นิ้ว สีฟ้า

สุดท้ายกรมราชทัณฑ์ ระบุว่ากำลังรอผลชันสูตรอย่างเป็นทางการ โดยจะมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ยืนยันไม่มีเจ้าพนักงานหรือผู้ต้องขังทำร้ายหรือทำให้อดีตผู้กำกับโจ้ตาย และการตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงที่ผู้ต้องขังเดินเข้าห้องขัง ตั้งแต่ 15.04-20.25 น. ไม่มีสิ่งผิดปกติและไม่มีใครเข้าไปในห้องคุมขังอย่างชัดเจน และเพื่อเป็นหลักประกันความโปร่งใส ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งระดับกรม โดยมีหน่วยงานภายนอก ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการปกครอง เข้าร่วมเป็นกรรมการ, คณะกรรมการฯ ระดับเรือนจำ มีหน่วยงานภายนอก ได้แก่ ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมคุมประพฤติ และการร้องทุกข์ หากพบ เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รถทัวร์เบรกแตก

ผู้โดยสารเผยได้กลิ่นไหม้ ก่อนบัสพุ่งชนท้ายรถพ่วง ตาย 7 เจ็บกว่า 50

รถบัสโดยสารพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงไฟลุกท่วม เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บอีกกว่า 50 คน นายอำเภอนาดี เผยคาดรถทัวร์เบรกแตก แต่กำลังเร่งตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ผู้โดยสารเผยได้กลิ่นไหม้ และรถบัสแวะจอดปั๊มครั้งเดียว ก่อนขับยาว

ทรายสก๊อต

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลั่นทำงานร่วมกับ “ทราย สก๊อต” ต่อไม่ได้

อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยสำนักอุทยานแห่งชาติกำลังรวบรวมข้อร้องเรียนที่มีต่อ “ทราย สก๊อต” มาให้พิจารณาเพื่อให้ปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษา ชี้ไม่สามารถร่วมงานกันต่อไปได้ มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติองค์กร คอนเทนต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกระทบผู้อื่น

สป.สายไหม

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐานร้องสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนัน

“กัน จอมพลัง” หอบหลักฐาน ร้องตรวจสอบ สป.สายไหม เอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ ยินดีให้ตำรวจตรวจสอบกลับ มั่นใจประวัติขาวสะอาด ย้ำ “ลูกพีช” ควรขอโทษอย่างจริงใจ

กรรมการไชน่าเรลเวย์

คุม “ชวนหลิง จาง” กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขัง-เร่งล่านอมินีไทยที่ยังหลบหนี

DSI คุมนายชวนหลิง จาง กรรมการ บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขังศาลอาญาข้อหาใช้นอมินี ขณะที่ดีเอสไอเร่งล่านอมินี คาดหนีกลบดานในไทย