กทม. 10 มี.ค.-ทนายความผู้กำกับโจ้ แจงผลชันสูตรรอบ 2 ยังไม่ออก รอผลตรวจเลือด-ชิ้นเนื้อ พร้อมรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง คาดใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ชัดเจน
นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ ผกก.โจ้ ให้สัมภาษณ์หลังจากพบแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้วเสร็จ โดยเปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอผลจากการที่แพทย์นำเลือดและชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาและพิษวิทยา ก่อนที่ทางแพทย์จะทำรายงานส่งไปยังพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งคาดว่าผลน่าจะออกภายในในเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ผลการตรวจเบื้องต้นของแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นอย่างไร ต้องรอผลที่เป็นรายงานจากแพทย์นิติเวชทีเดียว
ส่วนที่ทางครอบครัวมาพบกับแพทย์วันนี้ ก็เพื่อพูดคุยเบื้องต้นว่า ผลการตรวจจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมเมื่อวานนี้นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้ส่งประเด็นข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมไปยังแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
หลังจากนี้ หากผลจากแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ชันสูตรเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ถึงค่อยมาดูอีกทีว่ายังมีข้อสงสัยอะไรอีกหรือไม่ แต่ก็คงไม่ส่งไปชันสูตรรอบที่ 3 ที่ไหนอีกแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวดอภิธรรมศพก็จะเก็บร่างเอาไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของครอบครัว
ทั้งนี้ จากกรณีที่เมื่อเช้านี้มีรายงานข่าวว่า ทางแพทย์นิติเวชได้มีการสแกนร่าง ผกก.โจ้ เบื้องต้นนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เช่นเดียวกับที่มีรายงานข่าวว่า แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อ้างว่ามีความเห็นว่า ผกก.โจ้ ฆ่าตัวตายนั้น ก็ยังไม่เป็นความจริง เพราะต้องรอรายงานผลอย่างละเอียดก่อน
ส่วนกรณีที่เมื่อคืนนี้ กรมราชทัณฑ์ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ ทนายความบอกว่า ยังไม่ได้มีการอ่านแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว แต่ประเด็นที่อ้างว่า ผกก.โจ้ มีอาการป่วยทางจิตเวชนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะญาติได้ไปเยี่ยมทุกสัปดาห์ ก็พบว่า ผกก.โจ้ มีอาการปกติและทุกครั้งที่ตนเข้าไปเยี่ยมกับพูดคุยกับ ผกก.โจ้ ก็มีสติสัมปชัญญะปกติ พูดคุยแต่เรื่องของคดีความ โดย ผกก.โจ้ ยังคงรอเรื่องของการอุทธรณ์ในชั้นศาล ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องของทรัพย์สิน ผกก.โจ้ ที่อยู่ด้านนอกแต่อย่างใด
ส่วนในวันที่ ผกก.โจ้ เสียชีวิตนั้น ได้มีใครไปเยี่ยมหรือไม่ ทนายกล่าวว่า ก็มีเพียงแค่แฟนสาวและเพื่อนที่เข้าไปเยี่ยม ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวก็คือข้าราชการตำรวจ ส่วนประเด็นที่เป็นการพูดคุยเรื่องอะไรนั้น รวมทั้งมีคำพูดที่ไปสะกิดใจ ผกก.โจ้ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
นอกจากนี้ จากประเด็นที่ทางกรมราชทัณฑ์ แถลงการณ์อ้างว่า ผกก.โจ้ ได้นำกล้องของทางเรือนจำไปใช้โดยไม่อนุญาต ต้องนำเรื่องดังกล่าวไปพูดคุยกับญาติ แต่ตนไม่เคยได้ยินเรื่องราวดังกล่าว แต่ประเด็นดังกล่าวจะนำมาสู่การที่ ผกก.โจ้ ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยและถูกย้ายไปแดน 5 หรือไม่นั้น ตนเองยังไม่ทราบ เช่นเดียวกับประเด็นที่อ้างในแถลงการณ์ว่า ผกก.โจ้ ขอยุติเรื่องการสอบสวนกรณีถูกทำร้ายร่างกายนั้น เรื่องนี้ก็ต้องสอบถามทางญาติเช่นเดียวกัน
อีกทั้งประเด็นเรื่องผ้าขนหนูที่ล่าสุดกรมราชทัณฑ์ได้เปิดเผยขนาดของผ้าเมื่อคืนที่ผ่านมา เรื่องนี้ตนก็ยังไม่เห็นเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ตนก็ไม่สามารถเข้าไปยังที่เกิดเหตุที่ ผกก.โจ้ เสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน เลยไม่เห็นขนาดผ้าของจริง ยืนยันว่า ทางครอบครัวไม่ได้ถูกกรมราชทัณฑ์ หรือมีผู้ใหญ่สั่งไม่ให้พูด หรือออกมาให้ข่าวในช่วงนี้ ส่วนกรณีที่ทางเรือนจำมีคำสั่งย้ายผู้คุมที่เคยมีปัญหากับ ผกก.โจ้ นั้น ตนก็เพิ่งรับทราบจากข่าวและคงไม่ให้ความเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อลดกระแสสังคมหรือไม่ เพราะมองว่า ก็เป็นการทำตามขั้นตอนกระบวนการของราชการ
ส่วนกรณีที่น้องสาวของ ผกก.โจ้ ทำหนังสือขอให้ย้ายรักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น ก็เป็นไปตามเอกสารที่ตนเองได้รับ.-416.-สำนักข่าวไทย