สธ.16 มิ.ย.-อธิบดีกรมวิทย์ คาดไม่เกิน 2-3 เดือน โควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ระบาดในไทยแทนที่อัลฟา (อังกฤษ) หลังพบว่าเชื้อแพร่เร็วกว่าอัลฟา 40% พร้อมเจอคนป่วยใน รพ.กลางเมืองนับสิบคน พร้อมเตรียมศึกษาเทียบภูมิคุ้มไวรัสหลังรับวัคซีน ทั้งสายพันธุ์เดลตา และเบตา (แอฟริกาใต้)
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังและติดตามสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เมษายน 2564 จำนวน 5,055 คน พบว่าเป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) 4,528 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 89.6 ส่วนสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 496 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 9.8 ,สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) พบ 3 คน
ทั้งนี้ การรระบาดของสายพันธุ์เบตายังพบอยู่ใน จ.นราธิวาส และกระจายแค่ 3 อำเภอเท่านั้น ส่วนสายพันธุ์เดลตา พบว่ามีการระบาดใน กทม.มากที่สุดถึง 404 คน
ส่วนการระบาดในต่างจังหวัดรวม 19 จังหวัด พบว่ามีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ใน กทม. อาทิ แคมป์คนงานก่อสร้างหลักสี่ และล่าสุดจากการตรวจหาสายพันธุ์ในผู้ป่วย พบว่ามีผู้ป่วยนับสิบคน ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) รักษาอยู่ รพ.กลางกรุง 3-4 แห่ง
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถานการณ์ของสายพันธุ์ไวรัสโควิด คาดว่าภายในไม่เกิน 2-3 เดือน สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) เนื่องจากการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าถึงร้อยละ 40
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อไปว่า กรมวิทย์ฯ ยังเตรียมศึกษาวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้รับผลมีสายพันธุ์หรือไม่ โดยใช้อาสาสมัคร 200 คน เป็นการเก็บเลือดแล้วมาเพาะกับเชื้อไวรัส ดูภูมิคุ้มกัน พบว่าในส่วนของสายพันธุ์ดั้งเดิม (จีน )เมื่อร่างกายรับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม พบว่าเกิดภูมิคุ้มกันได้ 100% แต่เมื่อตรวจสอบกับไวรัสสายพันธุ์อัลฟา พบว่ามีภูมิขึ้น 50-60% แต่ในส่วนของสายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) และเบตา (แอฟริกาใต้) ยังอยู่ระหว่างการทดสอบดูภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกับการติดตามระดับภูมิคุ้มในวัคซีนแอสตราเซเนกาเมื่อรับไปแล้ว 1 เข็ม
ทั้งนี้ ไม่อยากให้ประชาชนต้องไปเสียเงินตรวจดูภูมิคุ้มกันเองไม่ว่าจะผ่านการตรวจด้วย rapid test หรือเสียเงินเจาะเลือด ไม่จำเป็น โดยการตรวจสอบนี้ ทางกรมวิทย์จะรับเป็นผู้ศึกษาแทนเอง พร้อมกันนี้ยังย้ำว่าการศึกษาเรื่องระดับภูมิคุ้มกันยังมีผลเกี่ยวข้องกับการย่นระยะเวลาการรับวัคซีนในเข็มถัดไป เบื้องต้นในส่วนของวัคซีนแอสตราฯกำหนดระยะ ห่างระหว่างเข็ม 1 และ เข็ม 2 เป็นระยะเวลา 10-12 สัปดาห์
นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การตรวจหาสายพันธุ์ไม่จำเป็นต้องทำทุกคน จะทำในคนที่มีอาการรุนแรงที่เป็นเคสใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสี่ยงเสียชีวิต ,กลุ่มที่พบการระบาดจำนวนมาก และมีความเชื่อมโยงกัน ,พื้นที่ที่ไม่มีการระบาด แต่กลับพบเคสคนป่วย ,พื้นที่ชายขอบ.-สำนักข่าวไทย