ทำเนียบ 13 ม.ค. – “ภูมิธรรม” ไม่กังวลหลัง กกต. เตือน “ทักษิณ” ปราศรัยช่วยหาเสียง สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย มอง เลือกตั้งท้องถิ่น ต่างจากเลือกตั้งใหญ่ แต่ก็สะท้อนคะแนนนิยม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย พร้อมพูดบนเวทีว่าจะทวงคืนเก้าอี้นายก อบจ. ได้ทั้งหมด ว่า เป็นความคิดเห็นของแต่ละท่าน นายทักษิณเสนอความเห็นมาก็ต้องไปถามท่าน ว่าคิดอะไร มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง ส่วนในทางปฏิบัติจะต้องปรับอย่างไรนั้น อยู่ในระหว่างการดูรายละเอียด ในทางการเมืองทุกคนตั้งเป้าหมายให้สำเร็จสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ถ้าเห็นจากการเลือกตั้งทุกพรรคก็จะบอกว่าตัวเองมั่นใจ ส่วนจะได้จริง ๆ แค่ไหนต้องไปดูความเป็นจริง และต้องดูผลว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเลือกส่งบางส่วนแต่ละเรื่องมีเหตุ และขั้นตอนในการทำ ซึ่งจากที่เสนอตอนนี้ที่ผ่านมาเราก็ชนะเกือบทุกพื้นที่ที่เราส่งผู้สมัคร
ส่วนจะเป็นการปูคะแนนความนิยมไปจนถึงสนามเลือกตั้งใหญ่หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า มันก็สะท้อนส่วนหนึ่ง แต่ถ้าถามความเป็นจริงก็เป็นเฉพาะจุด เฉพาะส่วน การเลือกตั้งท้องถิ่น หรือการเลือกตั้งระดับชาติมีความแตกต่าง พร้อมยอมรับว่าก็สะท้อนเรื่องความนิยม แต่บางทีพฤติกรรมการเลือกตั้ง ถ้าไปศึกษาดูจะเป็นคนละแบบกัน เงื่อนไขการเลือกตั้งก็ไม่เหมือนกัน ในจังหวัดเลือก 1 คนคะแนนก็ออกมา แต่การเลือกตั้งใหญ่มีทั้ง สส. เขตและ สส. บัญชีรายชื่อ และต้องดูแต่ละเขตเลือกตั้งด้วย เพราะจะมีปัญหาเรื่องตัวบุคคลมาเกี่ยวข้องด้วย หากเราเสนอในนามพรรค ก็มั่นใจว่าอยากเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนได้เลือกซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุผลแต่ละส่วน
นายภูมิธรรม กล่าวถึงการปรับรูปแบบการหาเสียง หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกมาเตือนการปราศรัยของนายทักษิณว่าสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎหมาย ว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่นายทักษิณ มาก็มาตามกระบวนการตามกฏหมาย หากจะพูดอะไรก็เป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเอง แต่ครั้งนี้มาในฐานะลูกจ้าง ที่เราจ้างมาเป็นผู้ช่วยหาเสียง ส่วนถ้าทำผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ก็ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นคนตัดสินว่าขอบเขตผู้ช่วยหาเสียงทำได้แค่ไหน เราดูจากข้างนอกก็มีความคิดเห็นได้ แต่ไม่ควรไปสรุป หากมีคนร้องก็ไปร้องในพื้นที่ หรือหน่วยที่รับผิดชอบ และจะดำเนินการอย่างไรก็ ไปดำเนินการ ไม่ควรไปคาดการณ์ หรือแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ส่วนการปราศรัยถึงนโยบายรัฐบาลบนเวทีอาจไม่เหมาะสมนั้น เราไม่กังวล เพราะถ้าเราคิดดีแล้วว่าเราทำอะไรได้ แค่ไหนในแต่ละส่วน ก็พยามกำกับให้เป็นไปตามข้อกฎหมายอยู่แล้ว หลายหลายเรื่องเป็นดุลพินิจของคน และของผู้รับรับฟังที่คิดและตัดสินใจซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น
”แม้กระทั่งผู้ร้อง ร้องไปแล้วได้บ้าง ร้องไปแล้วไม่ได้บ้าง มันก็มี ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการ มีสิทธิ์จะร้อง ก็ร้องได้ เพียงแต่ว่าในอนาคตผมว่าควรจะเป็นการร้องที่มีฐานของเหตุผลข้อเท็จจริงบ้าง ไม่งั้นมัวแต่มีกระบวนการร้องแบบนี้ จะทำให้การทำงานมีความยากลำบากขึ้น“ นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามย้ำว่ามีนักร้องเยอะขึ้น ควรปรับวิธีการหาเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ควรไปปรับที่นักร้อง เราทำหน้าที่เต็มที่ไม่มีใครคิดจะทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่จะผิดพลาดไปก็อยู่ที่ดุลพินิจว่าตีความผิดเกินเลย คนที่ตัดสินสุดท้ายคือศาลหรือผู้มีอำนาจหน้าที่
เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถกวาดเก้าอี้นายก อบจ. ในทุกจังหวัดที่ส่งผู้สมัคร นายภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าส่งก็มั่นใจว่ากวาดหมดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะพรรคไหน.-319 -สำนักข่าวไทย