สธ.9 มิ.ย.-สธ.เผยผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกันทั่วประเทศรวม 2 วัน ฉีดได้ 888,975 โดส สะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.64 รวม 5.1 ล้านโดส คณะผู้เชี่ยวชาญสรุปผลกรณีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เป็นเหตุการณ์ร่วม อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 15 ราย ยืนยันวัคซีนมีความปลอดภัย ฉีดเป็นวงกว้าง สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ช่วยหยุดการระบาด
วันนี้ (9 มิ.ย.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 8 มิถุนายน 2564 จัดสรรวัคซีนโควิด 19 ทั้งหมด 6,756,493 โดส แบ่งเป็นวัคซีนซิโนแวค จำนวน 4,982,313 โดส และวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 1,774,180 โดส สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 รวมสะสม 5,107,069 โดส เฉพาะวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ฉีดได้ 472,128 โดส รวม 2 วันที่เริ่มฉีดวัคซีนจำนวนมากพร้อมกันทั่วประเทศ (วันที่ 7-8 มิถุนายน 2564) รวม 888,975 โดส
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนมีการติดตามเรื่องความปลอดภัย โดยเก็บรวบรวมข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงอาการรุนแรงและเสียชีวิต ดังนั้นเมื่อมีการฉีดวัคซีนโควิด 19 จำนวนมากเป็นวงกว้าง ทำให้มีโอกาสพบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ กรณีที่อาการรุนแรงและเสียชีวิตจะมีการส่งตรวจหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ โดยนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งในระดับเขต จากการเฝ้าระวังต่อเนื่องถึงขณะนี้พบกรณีเสียชีวิตภายหลังการรับวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีน 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 มีรายงานการเสียชีวิต 27 ราย สรุปผลแล้ว 12 รายว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เป็นเหตุการณ์ร่วมที่เกิดขึ้น คือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 8 ราย Immune Thrombotic thrombocytopenic purpura 1 ราย ลิ่มเลือดอุดตันในปอด 1 ราย เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (purulent meningitis) 1 ราย และเลือดออกในช่องท้อง 1 ราย ส่วนที่เหลืออีก 15 รายอยู่ระหว่างการส่งตรวจชันสูตร และสอบสวนโรค
“การเสียชีวิตอาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนก็ได้ จึงต้องสอบสวนเชิงลึกหาสาเหตุ อย่างกรณีการเสียชีวิตที่ จ.ปทุมธานี เมื่อตรวจชันสูตรแล้วพบการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งไม่เกี่ยวกับวัคซีน สำหรับหญิงอายุ 46 ปีที่เสียชีวิตล่าสุด นับเป็นรายที่ 28 จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังการฉีดวัคซีนขอให้ประเมินอาการตนเอง ถ้าปวดหัวเล็กน้อยสามารถกินยาพาราเซตามอลแล้วพักผ่อน หากอาการดีขึ้นไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการปวดหัวรุนแรงตั้งแต่แรก มีความกังวลว่าจะเป็นมาก สามารถไปโรงพยาบาลได้ทันทีไม่ต้องรอ ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัย เมื่อฉีดเป็นวงกว้าง จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่และหยุดการระบาดได้ในที่สุด” นพ.เฉวตสรร กล่าว .-สำนักข่าวไทย