เคาะพื้นที่สีแดงเข้ม กินอาหารในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม

กทม 14 พ.ค. -ศบค. ผ่อนคลายมาตรการผ่อนคลายพื้นที่สีแดงเข้ม นั่งกินอาหารในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม รอประกาศชัดเจนพรุ่งนี้


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึง มาตราการผ่อนคลายหลังยกระดับครบ 14 วัน ว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้สั่งการให้พิจารณาเนื่องจากเห็นถึงเรื่องของผู้ประกอบการบางพื้นที่ จึงให้พิจารณาดูว่ามีส่วนใดที่จะพอผ่อนปรนให้ได้บ้าง เพื่อผู้ประกอบการรายย่อยหรือรายเล็ก ผู้ที่ค้าขายอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของประชาชน โดยภาพการปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร มีหลักเกณฑ์ในการปรับ โดยพิจารณาหลายเหตุผลร่วมกัน ดังนี้

  1. ลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวน และความต่อเนื่อง
    พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวันอย่างน้อย 1 วันใน 1. สัปดาห์ หรือเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ มากกว่า 50 รายต่อวัน
    -พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20-50 รายต่อวัน
    -พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 รายต่อวัน
    -พื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 10 รายต่อวัน
    -พื้นที่เฝ้าระวังพื้นที่ไม่มีผู้ป่วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  2. จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดต่อเนื่อง และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
  3. จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย
  4. จังหวัดที่ติดกับชายแดน หรือเคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ
  5. สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ (ปรับลดระดับกรณีได้รับวัคซีนมาก)

อย่างไรก็ตาม ศบค. เห็นควรผ่อนคลาย สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) มีการผ่อนคลายจากมาตรการเดิม คือ เรื่องร้านอาหาร สามารถนั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 25% หรือ เท่ากับว่า โต๊ะ 4 คน นั่งได้ 1 คน และไม่เกิน 21.00 น. ส่วนการสั่งซื้อกลับบ้านยังได้ถึง 23.00 น. และยังคงงดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน , ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) นั่งทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน และในสถานศึกษาอนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) นั่งทานอาหารในร้านได้ตามปกติ แต่งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน รวมถึงในสถานศึกษาอนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการที่กำหนด


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนรายชื่อจังหวัดใดบ้างที่จะอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม อย่างไรบ้างที่ประชุมยังหารือไม่แล้วเสร็จให้รอประกาศพื้นที่จังหวัดว่าจะอยู่โซนสีใด เนื่องจากยังมีข้อหารือสุดท้ายก่อนที่จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. แล้วในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะได้แถลงประกาศให้ทราบกันอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง