สธ. 20 เม.ย.-“อนุทิน” ยอมรับปัญหาเตียงใน กทม.น่าปวดหัวที่สุด ย้ำผู้ป่วยไม่มีสิทธิปฏิเสธการรักษา การอยู่ในความดูแลแพทย์ช่วยลดความรุนแรงของโรคและการแพร่เชื้อ เผยเจรจาไฟเซอร์และวัคซีนโควิดอื่นไม่คืบ มีแค่ซิโนแวค และแอสตราฯที่จัดส่งวัคซีนได้ พร้อมเตือนให้หมั่นล้างมือเมื่อจับสิ่งของสาธารณะ หลังพบเชื้อของเสียของมากขึ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวานนี้ทางตัวแทนบริษัท ไฟเซอร์ได้มาหารือร่วมถึงเรื่องของวัคซีนโควิด ซึ่งการเจรจาเรื่องวัคซีนนั้น มีความพยายามในการหารือกับผู้ผลิตหลายรายแต่ไม่มีบริษัทใดสามารถให้การยืนยันถึงการผลิตและการจัดส่งวัคซีนได้ในเดือน พ.ค.หากรับเงื่อนไขข้อตกลงร่วมกันได้ยินดีที่จะสั่งซื้อ เพื่อสำรองไว้เป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งตอนนี้ก็มีเพียง บริษัท ซิโนแวค ที่จะส่งในเดือนพฤษภาคม และบริษัท แอสตราเซเนกา ที่ผลิตในไทย เท่านั้น ที่สามารถผลิตและจัดส่งวัคซีนให้ได้ตามสัญญาที่กำหนดไว้ คือในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมเตรียมขออนุมัติขยายไซต์การผลิตให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งทุกอย่างทำตามมาตรฐาน และแผนที่วางไว้
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนเรื่องของน้ำยาตรวจโควิดไม่เพียงพอ เนื่องจากขณะนี้มีผู้มารับการบริการตรวจหาเชื้อโควิดจำนวนมาก ว่า ยืนยันได้มีการสั่งซื้อและผลิตน้ำยาตรวจเพิ่มสำรองไว้มากกว่า 1 ล้านชุด ฉะนั้นเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาแน่นอน รวมถึงการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ด้วย
ส่วนเรื่องปัญหาการบริหารจัดการเตียงให้ผู้ป่วยได้เข้าระบบ และรับการรักษาทุกคนนั้น ยอมรับว่าปัญหาการบริหารจัดการใน กทม. น่าปวดหัวที่สุด เพราะเป็นเมืองใหญ่ ไม่เหมือนต่างจังหวัดที่มี อสม.และช่วยเหลือ โดยยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อทุกคนต้องได้พบแพทย์ ทั้งนี้ กรมการแพทย์รับเป็นผู้ดำเนินการและจัดคิวการรับบริการผู้ป่วย แบ่งเป็นสีเขียว เหลือง แดง คนที่ป่วยต้องอยู่ใน รพ.คนที่มีอาการไม่รุนแรงเล็กน้อยอยู่ใน รพ.สนาม ทั้งนี้ ผู้ป่วยไม่สามารถปฎิเสธรักษาได้ ถือว่ามีความผิด เนื่องจากเป็นโรคที่ต้องการรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อลดการเจ็บป่วยรุนแรงและแพร่เชื้อ
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า การติดเชื้อโควิดในรอบนี้ พบว่าเชื้อจะอยู่ในของเสียเยอะ เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ การใช้ห้องน้ำสาธารณะต้องเคร่งครัดการล้างมือและงดการจับสิ่งของในห้องน้ำ ควรใช้ทิชชูในการเปิดประตู และควรงดหยิบจับสิ่งของสาธาณะโดยไม่ล้างมือ .-สำนักข่าวไทย