คณะผู้แทนบริษัทจีนพบนายกฯ พร้อมขยายลงทุนในไทย

ทำเนียบ 21 ก.พ.- คณะผู้แทนบริษัทจีนฯ พบหารือ นายกฯ ยืนยันความพร้อมขยายการลงทุนในไทย พร้อมผลักดันการลงทุนด้าน AI – เซมิคอนดักเตอร์ – พลังงานทางเลือก เตรียมความพร้อมประเทศรองรับอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต พร้อมปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน


นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นำคณะผู้แทนบริษัทจีนในประเทศไทย จากสมาคมการค้าวิสาหกิจไทย – จีน (Chinese Enterprises Association in Thailand: CEA) เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จำนวน 12 บริษัท ใน 6 สาขาหลัก ได้แก่ กลุ่มธนาคารและการเงิน กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร กลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มอุตสาหกรรมพาณิชย์และการลงทุน

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ได้พบกับคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในช่วงวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน ทั้งสองฝ่ายต่างมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนานในทุกมิติ ดังคำที่กล่าวว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” โดยเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นายกรัฐมนตรี ได้เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ มีโอกาสพบผู้นำทั้ง 3 ระดับ และได้หารือร่วมกันถึงการสานความสัมพันธ์ในอนาคตเพื่อก้าวสู่อีก 50 ปีข้างหน้าของความสัมพันธ์ไทย-จีน พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ จากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาหารือและพิจารณาความต้องการร่วมกัน


ด้านเอกอัครราชทูตจีนฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับในวันนี้ สะท้อนการให้ความสำคัญต่อมิตรภาพไทย-จีน ซึ่งกำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เกิดความร่วมมือในทุกมิติ สร้างความสำเร็จ ความผาสุก ให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ โดยภาคธุรกิจจีนยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมยืนยันว่า บริษัทจีนในไทยพร้อมลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพที่จะขยายการลงทุนได้ในอีกหลายสาขา

ขณะที่ ประธานสมาคมการค้าวิสาหกิจไทย – จีน กล่าวว่า วิสาหกิจจีนในไทยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับเทคโนโลยี พัฒนาอุตสาหกรรม สร้างรายได้จากการส่งออก และการจ้างงานของบุคลากรไทย ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ในวันนี้ ล้วนเป็นบริษัทชั้นนำของจีนในแต่ละสาขาที่สำคัญ โดยต่างยินดีที่จะร่วมขับเคลื่อนการค้าการลงทุนระหว่างไทย-จีน สร้างประโยชน์ร่วมกันต่อไป

สำหรับการหารือทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะด้านการค้าและการลงทุน โดยเน้นการพัฒนาและขยายการลงทุนในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สารกึ่งตัวนำ (เซมิคอนดักเตอร์) และพลังงานทางเลือก ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรี เห็นพ้อง และเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี AI เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานทางเลือก ตลอดจนการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุน (Ease of Doing Business) โดย BOI พร้อมเป็นผู้เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้ผลิต


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจ้างงาน และการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้สอดคล้องกับแต่ละภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อสร้างโอกาสควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากร ซึ่งคณะผู้แทนบริษัทจีนฯ ยินดีที่จะสนับสนุนแรงงานไทย พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทักษะผ่านการจัดการฝึกอบรม ให้ความรู้ร่วมกับสถาบันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ให้ความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะเร่งพัฒนาระบบนิเวศและปัจจัยที่จะส่งผลต่อการลงทุน เช่น การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะรองรับเทคโนโลยีใหม่ ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน และพร้อมร่วมมือทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมกับจีน รวมถึงให้การสนับสนุนบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในไทย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมการค้าวิสาหกิจไทย – จีน (CEA) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2544 ดำเนินงานภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจการค้า และการลงทุน ระหว่างไทยและจีน โดยปัจจุบันมีบริษัทสมาชิกกว่า 380 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 จำนวนกว่า 40 บริษัท และบริษัทชั้นนำ 500 อันดับของจีนจำนวน 78 บริษัท .-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]