เชียงใหม่ติดโควิดเพิ่ม 2 ราย สั่งปิดผับดัง 14 วัน

เชียงใหม่ 6 เม.ย. – เชียงใหม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 6 ราย ผู้ว่าฯ สั่งปิดสถานบันเทิง 2 แห่ง เป็นเวลา 14 วัน หลังพบหญิงสาวที่ติดโควิดเข้าไปเที่ยวถึง 8 วันติดต่อกัน พร้อมนำรถชีวนิรภัยพระราชทาน ตรวจหาเชื้อโควิดพนักงานกว่า 100 คน ทราบผลพรุ่งนี้


เจ้าหน้าที่นำรถชีวนิรภัยพระราชทาน เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 พนักงานร้านวอร์มอัพ ย่าน ถ.นิมมานเหมินทร์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ จำนวน 105 คน และร้านกราวน์ ซึ่งเป็นบาร์เหล้า ย่าน ถ.นิมมานเหมินทร์ ซอย 13 อีกจำนวน 18 คน ซึ่งทั้งหมดจะทราบผลตรวจในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) หลังจากมีหญิงสาววัย 24 ปี ที่เดินทางกลับจากอเมริกา มีภูมิลำเนาใน จ.พะเยา เดินทางมาเที่ยว ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 3 เมษายน 2564 ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทราบผลวันนี้ เนื่องจากจะเดินทางกลับอเมริกา จึงต้องไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน และพบว่าติดเชื้อโควิด นอกจากนั้นยังไปรับประทานอาหารในย่านนิมมานเหมินทร์อีกหลายแห่ง อยู่ระหว่างสอบสวนโรค และยังมีนักท่องเที่ยวชายชาวจีน วัย 55 ปี อีก 1 ราย ที่เดินทางมาเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา และพบว่า เพื่อนชาวจีน วัย 28 ปี ติดเชื้อโควิด จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ผลออกมาเป็นบวก ทำให้วันนี้ จ.เชียงใหม่ พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 ราย เป็นรายที่ 74 และ 75 ส่งผลให้ จ.เชียงใหม่ มีผู้ติดเชื้อรวมเป็น 6 ราย นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนครพิงค์

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงนามในคำสั่งให้ปิดสถานบันเทิง ร้านวอร์มอัพ และร้านกราวน์ ย่าน ถ.นิมมานเหมินทร์ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันนี้ (6 เม.ย.) เป็นเวลา 14 วัน เพื่อควบคุมและสอบสวนโรค ทำให้สถานการณ์โควิด-19 น่าวิตกอีกครั้ง


ขณะที่นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบการระบายอากาศ ภายในร้านวอร์มอัพ โซนผับ ว่ามีการถ่ายเทดีหรือไม่ เพื่อประเมินสถานการณ์ความเสี่ยง

นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้นำคำสั่งปิดมาให้กับคนดูแลร้านทั้ง 2 แห่ง และหากพบว่าหย่อนยานหรือละเลย หรือพบความผิดส่วนไหน ก็จะมีการดำเนินต่อไป เบื้องต้นต้องรอผลตรวจในวันพรุ่งนี้ (7 เม.ย.) ว่าพบผู้ติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์วันต่อวัน. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าจะเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม