บช.น.แถลงสถานการณ์ชุมนุม รับใช้กระสุนยางป้องกันบานปลาย

กรุงเทพฯ 1 มี.ค.-บช.น.แถลงสถานการณ์ชุมนุม ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอน ยอมรับใช้กระสุนยางควบคุมเพื่อป้องกันเหตุบานปลาย ตำรวจบาดเจ็บ 90 นาย เสียชีวิต 1 นาย สำหรับผู้ชุมนุมถูกจับกุม 22 คน

พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มรีเด็ม เมื่อวานที่ผ่านมาจนมีเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากการรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเวลา 15.00 น. ก่อนที่จะเคลื่อนที่มาที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต ในเวลา 17.00 น.


หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามตัดรั้วลวดหนาม และเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางกั้นไว้เพื่อลดการเผชิญหน้ากันบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 จนตำรวจต้องเริ่มเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมยอมรับว่ามีการใช้อาวุธควบคุมฝูงชนที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น กระสุนยาง เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนใช้สิ่งของขว้างปาตำรวจ และยังใช้ความรุนแรงเนื่องหากไม่เร่งควบคุมสถานการณ์ก็อาจจะทำให้สถานการณ์บานปลายได้

จากนั้นยังมีการไปปิดล้อมสน.ดินแดง และ สน.สุทธิสาร และขว้างปาสิ่งของ รวมทั้งเผารถยนต์ของตำรวจได้รับความเสียหาย และกำลังตรวจสอบความเสียหายและดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 90 นาย และรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 27 นาย เสียชีวิต 1 นาย คือร้อยตำรวจเอกวิวัฒน์ เสริฐสนิท รองสารวัตรปราบปราม สน.ธรรมศาลา ที่หัวใจหยุดเต้นฉับพลันระหว่างปฏิบัติหน้าที่


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ดูแลสวัสดิการกับครอบครัวของตำรวจที่เสียชีวิต โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันพรุ่งนี้ เบื้องต้นจะเลื่อนขั้น 3 ชั้นยศ 3 ขั้นเงินเดือน และมีเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 2.7 ล้านบาท พร้อมกับรับบุตรเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ ขณะที่เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเข้าเยี่ยมตำรวจที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับผู้ชุมนุมถูกจับได้ 22 คน นำไปควบคุมตัวสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จำนวน 18 คน ส่วนอีก 4 คน เป็นเยาวชนคุมตัวสอบสวนที่ สน.สุทธิสาร และจะนำส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังยืนยันการควบคุมสถานการณ์เมื่อวานนี้ ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน และอดทนอดกลั้นตลอดก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ส่วนกรณีที่มีภาพที่ปรากฏการเข้าควบคุมผู้ชุมนุมแล้วใช้เท้าเตะนั้น เป็นยุทธวิธีในการควบคุมมวลชนที่อยู่นอกแนว แล้วต้องนำเข้ามาในแนวของตำรวจให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันยังมีภาพบางส่วนที่พบเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมใช้สิ่งของขวางปาใส่ตำรวจ และยืนบนตู้คอนเทนเนอร์ปัสสาวะใส่ตำรวจที่ตั้งแถวควบคุมอยู่ ขณะนี้ตำรวจกำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและจะนำมาดำเนินคดี


ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่แตกต่างกันไปทั้งการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

นายกฯ มาเลเซีย ต่อสายคุย “แพทองธาร” ติดตามสถานการณ์ใต้

นายกฯ มาเลเซีย ต่อสายคุย “แพทองธาร” ติดตามสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ แสดงความพร้อมร่วมมือกับไทยเพื่อยุติความรุนแรง พร้อมใช้เวทีอาเซียนสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกมากขึ้น

ยังไม่ฟัน 60 สว. ฮั้วเลือก สว. อยู่ในขั้นตอนการสืบสวน-ไต่สวน

หลังมีข่าว กกต. เตรียมลงดาบ 60 สว. และยื่นศาลเพิกถอนสิทธิ แต่ตลอดเช้าวันนี้ ยังไม่พบ สว.คนใดมาชี้แจงหรือรับทราบข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบพบว่าข่าวคลาดเคลื่อน ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการร่วมฯ ที่ กกต.ตั้งขึ้น