รัฐสภา 17 ก.พ.- นายกฯ โต้ “วิโรจน์” ปมนำเข้าวัคซีน ขู่หากพูดมากทำให้ได้วัคซีนล่าช้า-ไม่ถูกส่งตามกำหนดเพราะการอภิปรายวันนี้มีเรื่อง อัดพูดเร็วเหมือนเก่ง แต่มาทำเองไม่ง่าย
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงหลังการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักคณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยืนยันว่ามีข้อเท็จจริงเรื่องโควิดรอบด้าน แต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะตัวเองไม่ใช่นักโต้วาที ทั้งการบริหารจัดการเศรษฐกิจและสาธารณสุข รวมถึงทราบดีว่าประชาชนเดือดร้อนและอาจจะรู้มากกว่าทุกคน แต่การแก้ปัญหาทั้งหมดตนไม่สามารถสั่งได้ต้องฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งแพทย์และศูนย์บริการสถานการณ์โควิค รวมถึงคณะทำงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนการนำวัคซีนเข้ามาให้ได้เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ถ้าเปรียบเทียบกับสถานการณ์โลก ประเทศไทยสามารถทำได้ดีกว่าหลายประเทศและพยายามทำให้ดีขึ้น พร้อมเชื่อว่าทุกอย่างหากได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน
ส่วนการฉีดวัคซีนยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะได้ผล 100% หรือไม่ แต่ชี้แจงว่า เป็นการฉีดแบบฉุกเฉิน ไม่ใช่การฉีดแบบไข้หวัดใหญ่ทั่วไป สิ่งสำคัญที่สุด คือชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม และสปิริตของคนไทย ที่ร่วมกันสวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้นั่งนอนเฉยๆ และทำงานเช้าชามเย็นชาม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า หากพูดถึงวัคซีนมากๆ จะกลายเป็นปัญหาว่าต้นทางจะส่งมาหรือไม่ จึงขอให้ระมัดระวังและรับผิดชอบ หากกลายมาเป็นปัญหา พร้อมขออย่าโยงเป็นเรื่องการเมืองจนมีปัญหาและจำคำพูดตัวเองไว้ด้วย หากต้นทางไม่ส่งวัคซีนมาให้ เป็นเพราะสาเหตุมาจากเรื่องการอภิปรายในสภาครั้งนี้ ก็ต้องมีเรื่องกัน จึงขอร้องว่าอะไรที่จะทำให้เป็นปัญหาก็อย่าพูดอีกเลย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ อาจจะไม่ถูกใจใคร และเชื่อว่าอาจจะทำได้ดีกว่านี้ หากไม่มีภาระอย่างอื่นข้างนอก โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด
“คนที่พูดเป็นเรื่องง่าย แต่ทำเองไม่ง่าย แม้จะพูดเร็ว ดูดีดูเก่ง ขอให้มาทำดูเองจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ย้ำว่ารัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเลือกวัคซีน ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับประเทศ วันนี้ได้รับข้อมูลมาว่า ประชาชนคนไทยอยากฉีดวัคซีน 80% และมีอีก 10% ที่ไม่อยากฉีด ส่วนอีก 10% คือคนที่ลังเลและไม่แน่ใจว่าผู้อภิปรายนั้นอยู่ในกลุ่มที่ไม่อยากฉีดหรือลังเลหรือไม่”นายกรัฐมนตรี กล่าว.- สำนักข่าวไทย