ศธ.28 ก.ย.-ศธ.ยังพบการกระทำผิดในหลายกรณีของ รร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ยื่น 3 แนวทางให้โรงเรียนปรับแนวทางการบริหารใหม่ทั้งหมด ภายใน 15-30 วัน หากไม่สามารถทำได้ อาจถึงขั้นสั่งปิดชั่วคราว
ภายหลังการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลชั้นปีที่ 1โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ โดยถกเครียดกว่า 3 ชั่วโมง นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) สรุปการประชุมหารือ
นายอรรถพล ระบุว่าจากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบมีปัญหาหลายประเด็น เช่น การทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนในรูปแบบการผลัก การดึงหู การทุบตี ร่างกายของเด็กมีการบอบช้ำในหลายจุด ,การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกินที่กำหนด ,การรับนักเรียนเกินที่กำหนดในห้องเรียน EP ซึ่งกำหนดให้ห้องละ25 คน โดยในห้องเรียน EP จะไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นได้อีก เนื่องจากรวมค่าอาหารกลางวันและค่าอื่นๆ แล้วในแต่ละเทอมที่ผู้ปกครองจ่าย รวมถึงกรณีที่โรงเรียนไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยมีเพียงรักษาการแทนเท่านั้น
ที่ประชุมเสนอแนวทาง
- ให้โรงเรียนปรับแนวทางการบริหารใหม่ทั้งหมด ตามกรอบระยะเวลา15-30 วัน หลังพบในหลายปัญหา
- หากไม่สามารถปรับแนวทาง แก้ไข ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด อาจต้องให้โรงเรียน งดรับนักเรียนในชั้นที่มีปัญหาการศึกษานั้นๆ
- ขั้นสูงสุด หากโรงเรียนไม่สามารถปรับแก้ปัญหาได้ และยังพบการกระทำผิดซ้ำ อาจต้องให้โรงเรียนงดการเรียนสอน ชั่วคราว
สำหรับการรับครูในการสอนของโรงเรียนเอกชน เบื้องต้นจะต้องเป็นครูที่มีใบประกอบวิชาชีพครู ถ้าเป็นครูฝึกสอนหรือนักศึกษาฝึกสอนจะต้องมีใบอนุญาตจากทางสภาครู ขณะที่การรับพี่เลี้ยงที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนจะเป็นผู้จัดสรรบุคลากรเอง
พบว่า น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือพี่เลี้ยงจุ๋ม จบชั้นม.3 สถานะคือพี่เลี้ยงเด็ก ไม่ถือเป็นบุคลากรทางการศึกษาอย่างที่ทางโรงเรียนออกแถลงการณ์ และไม่สามารถสอนเด็กได้ ทำได้เพียงดูแลเด็กเท่านั้น
สำหรับแนวทางต่อไปสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จะจัดทำแนวการอบรมในการดูแลเด็กปฐมวัยให้กับพี่เลี้ยงทุกคน ก่อนที่ทางโรงเรียนเอกชนจะรับเข้าไปทำงาน รวมถึงโรงเรียนเอกชนจะต้องทำการเปิดเผยข้อมูลของครูผู้สอนว่ามีใบประกอบวิาชีพหรือไม่ และรายละเอียดครูพี่เลี้ยง และประวัติพี่เลี้ยงเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบได้
ขณะเดียวกันกล้องวงจรปิดของโรงเรียนต้องสามารถเผยแพร่ให้ผู้ปกครองดูได้เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการมอนิเตอร์เด็กนักเรียนในห้องซึ่งเป็นการสร้างความสบายใจให้กับผู้ปกครอง
เบื้องต้นมีโรงเรียนสารสาสน์ทั่วประเทศทั้งหมด 42 แห่ง พบว่ามี 34 แห่งได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง ปัญหาอันดับ1 คือการบูลลี่ภายในโรงเรียน อันดับ 2 การเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงเกินจริง และการทำร้ายร่างกายในโรงเรียน
สำหรับวันพรุ่งนี้ (29ก.ย.) เวลา 09.00 น.ทางโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้ทำการเรียกประชุมผู้ปกครองทั้งหมดถึงแนวทางการบริหารโรงเรียนที่จะต้องมีการปรับรูปแบบใหม่สืบเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น .–สำนักข่าวไทย