กทม.10 ส.ค.-อัยการ ให้ตำรวจสอบเพิ่มเติมประเด็นความเร็วรถ เพื่อให้ได้ข้อยุติ-เอาผิด “บอส อยู่วิทยา” เสพโคเคน แยกเป็นสำนวนใหม่
นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสูงสุด และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งแต้งตั้งคณะทำงานพิจารณาคำสั่งคดีอาญาคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 ว่า คณะทำงานพิจารณาแล้วให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นความเร็ว และแจ้งข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษประเภท 2 กับนายวรยุทธ แยกออกไปอีกสำนวน
นายอิทธิพร ระบุด้วยว่า จากการที่คณะทำงานฯ ได้ตรวจสอบกรณีความเร็วรถของนายวรยุทธ ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าความเร็วที่ปรากฎในสำนวนอาจไม่ใช่ความเร็วที่จะทำให้สำนวนยุติได้ คณะทำงานฯพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนพยานเพิ่มเติม คือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นที่เคยร่วมตรวจสอบความเร็วของรถ ณ จุดที่ชนหรือไม่ หากเคยความเร็ว ณ จุดที่ชนอยู่ที่เท่าไร ,มีวิธีการคำนวนความเร็วรถอย่างไร และเคยส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้หากมีเอกสารการคำนวนให้จัดส่งมาเพื่อประกอบสำนวนด้วย
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ ยังให้สอบเพิ่มเติม นายกสภาวิศวกร ประเด็นใบประกอบวิชาชีพของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ขาดการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะมีผลต่อการออกเอกสารรับรองมากน้อยเพียงใด และการคำนวนของ รศ.ดร.ประสิทธิ์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ส่วนกรณีพบสารโคเคนในร่างกาย นายวรยุทธ นั้นเห็นว่าในสำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ โดยประเด็นทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้เสร็จภายใน 20 สิงหาคมนี้
ด้านนายชาญชัย กล่าวเสริมว่า กรณีดังกล่าวพนักงานอัยการมีความเห็นให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นการตรวจวัดความเร็ว เนื่องจากมีเหตุเชื่อได้ว่า หากได้พยานหลักฐานใหม่จะสามารถดำเนินคดีหรือลงโทษผู้ต้องหาได้ ส่วนพยานหลักฐานในการตรวจวัดความเร็ว จะใช้ผลตรวจที่เผยแพร่ตามสื่อมวลชนหรือใช้วิธีการอื่นในการคำนวนความเร็วใหม่ก็สามารถทำได้ รวมทั้งหากพบคลิปภาพความเร็วของรถ ซึ่งจะสามารถนำมาตรวจวัดใหม่ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ และว่าการที่ความเร็วเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่า ความเห็นเดิมจะเป็นเท็จ ทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติในการคำนวณความเร็วที่น่าเชื่อถือได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีธงในการทำสำนวน แต่จะเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฎ.-สำนักข่าวไทย