กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-บอร์ด กกพ.เห็นชอบลดค่าไฟฟ้าเอฟทีงวด ก.ย.-ธ.ค.66 ลงเหลือ 20.48 สต./หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 3.99 บาท/หน่วย โดยการงดจ่ายค่าหนี้ กฟผ.และชะลอจ่ายค่าก๊าซ ปตท. 9 พันล้านบาท ย้ำผู้จ่ายค่าไฟบิล ก.ย.ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดคืนรอบบิล ต.ค.
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 ในอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย โดยให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น
ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 45/2566 (ครั้งที่ 873) วันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 ตามที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเสนอมาในอัตรา 20.48 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามมติ ครม. (จากเดิม กกพ.มีมติเรียกเก็บเอฟที่ 66.89 สตางค์/หน่วย และเมื่อรวมค่าไฟฐานทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 4.45 บาท/หน่วย)
ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. อยู่ระหว่างดำเนินการส่งหนังสือแจ้งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) เพื่อประกาศค่าเอฟทีค่าใหม่ในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 โดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน 2566 ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวในรอบบิลเดือนตุลาคมนี้ต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า การลดค่าไฟฟ้าเอฟทีดังกล่าว ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่ได้รับเงินคืนจากประชาชนจากที่การต้นทุนค่าเอฟทีให้ก่อนทั้งค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรวมประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยไม่ได้รับเงินคืนในงวดนี้ ราว 2.3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ บมจ.ปตท. ร่วมรับภาระด้วย โดย กฟผ.ชะลอการจ่ายค่าเชื้อเพลิง ค่าก๊าซธรรมชาติ ราว 9 พันล้านบาท .-สำนักข่าวไทย