ดีเอสไอแจงคดีรถหรู 1,020 คัน แจ้งข้อหาผู้นำเข้า 100%

12 ม.ค. – ดีเอสไอเผยคดีรถหรู 1,020 คัน แจ้งข้อหาผู้นำเข้า 100% เตรียมขยายผลตัวการใหญ่ หลังได้กล่าวหาไปแล้ว 133 คน จาก 79 คดี


ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนดำเนินคดีอาญากับขบวนการหลีกเลี่ยงภาษีอากรรถยนต์ราคาแพง ที่มีการส่งออกจากสหราชอาณาจักรเข้ามายังประเทศไทย จำนวน 1,020 คัน ตามข้อมูลที่ได้รับจากการทำคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (Mutual Legal Assistance Treaty-MLAT) ไปยังสหราชอาณาจักร ซึ่งกรมศุลกากรได้ดำเนินการประเมินราคาและอากรใหม่ พบหลักฐานว่ามีการเลี่ยงภาษีด้วยการสำแดงราคานำเข้าอันเป็นเท็จ (ราคาต่ำ) เพื่อให้เกิดฐานราคาในการคำนวณภาษีที่ต่ำลงกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษีประเภทต่างๆ ในการนำเข้ารถยนต์เป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยรับเป็นคดีพิเศษในปี พ.ศ. 2565 จำนวน 114 คดี โดยมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้ทำการสืบสวนสอบสวน และมี พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะ โดยมีการนำเสนอความคืบหน้าของคดีมาเป็นลำดับนั้น

ล่าสุดได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า 1 ปีที่ผ่านมา การสอบสวนคืบหน้าไปมาก มีการสอบสวนผู้ครอบครองรถยนต์ปัจจุบัน 404 คน สอบสวนผู้ขอจดทะเบียนครั้งแรก 466 คน สอบสวนนายทะเบียนรถยนต์กรุงเทพมหานคร 960 คัน สอบสวนนายทะเบียนรถยนต์ต่างจังหวัด (21 จังหวัด) 59 คัน สอบสวนเจ้าหน้าที่ส่วนควบคุมบัญชีรถกรมการขนส่งทางบก 1,020 คัน สอบสวนเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรผู้ประเมินอากรขาด 1,020 คัน สอบสวนเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรผู้ตรวจปล่อย 36 คน รวมเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน และธุรกรรมต่างๆ จำนวนมาก สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้นำเข้ารถยนต์ได้จำนวน 133 คน จาก 79 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบทุกคน คาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ครบ กรณีที่ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาจะเสนอศาลเพื่อขอออกหมายจับและประกาศสืบจับ และสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอไปยังพนักงานอัยการต่อไป


ทั้งนี้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคดีสำคัญที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญและมอบนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว หลังจากการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้นำรถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยเลี่ยงภาษีแล้ว จะขยายผลไปยังตัวการที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจจำหน่ายรถยนต์นำเข้า หรือโชว์รูม ต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”