ดีเอสไอ แจงคดีหมูเถื่อน ผู้ต้องหา 30 ราย นายทุนจีน-ไทย-ขรก.

ศูนย์ราชการ 24 เม.ย.-ดีเอสไอ แจงยิบ ความคืบหน้าคดีนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน พบผู้ต้องหา “นายทุนจีน-ไทย-ข้าราชการ” 30 ราย ส่ง ป.ป.ช. ฟันต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้อง

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลงกรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ช่วงปี 2563-65


นายสมบูรณ์ เผยว่า สืบเนื่องจาก สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง มีผู้ร้องได้ยื่นร้องเรียนต่อดีเอสไอ ดำเนินคดีอาญากับ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร จากการรวบรวมพยานหลักฐานสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งได้เปิดสำรวจและพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ มีมูลค่าของรวมภาษีอากร รวมเป็นจำนวนเงิน 460,105,947 บาท ในความผิดฐาน

“นำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดตามบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2565”


พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า ดีเอสไอได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 (สินค้าอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ณ ด่านศุลกากรแหลมฉบัง จำนวน 161 ตู้) มี 10 สำนวน เกี่ยวข้อง 10 บริษัทเอกชน มีความผิดต่างกรรมต่างวาระ พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องทุกสำนวน ได้แก่ (1) คดีพิเศษที่ 59/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 28 มิ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท เดอะ คิวบ์ โลจิสติก์ จำกัด กับพวกรวม 3 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 24 พ.ย. 2566 (2) คดีพิเศษที่ 101/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท กู๊ด วอเตอร์ อิควิปเม้น จำกัด กับพวกรวม 2 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 17 ม.ค. 2567

(3) คดีพิเศษที่ 102/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช กับพวกรวม 5 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 6 ส.ค. 2567
(4) คดีพิเศษที่ 103/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด กับพวกรวม 5 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 17 ก.ย. 2567

(5) คดีพิเศษที่ 104/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท อาร์ ที เอ็น โอเวอร์ซี จำกัด กับพวกรวม 2 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 17 ม.ค. 2567
(6) คดีพิเศษที่ 105/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด กับพวกรวม 2 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 23 เม.ย. 2567
(7) คดีพิเศษที่ 106/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท สหัสวรรษ จำกัด กับพวกรวม 2 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 29 พ.ค. 2567


(8) คดีพิเศษที่ 107/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท ซีเวิร์ล โฟรเซ่น ฟูด จำกัด กับพวกรวม 2 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 11 เม.ย. 2567
(9) คดีพิเศษที่ 108/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท ศิขัณทิน จำกัด กับพวกรวม 4 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 26 ก.ค. 2567 และ
(10) คดีพิเศษที่ 109/2566 รับเป็นคดีพิเศษวันที่ 13 พ.ย. 2566 ผู้ต้องหาคือ บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด กับพวกรวม 4 ราย วันที่ส่ง ป.ป.ช. วันที่ 26 ก.ค. 2567

พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า กลุ่มที่ 2 สินค้านำออกสู่ท้องตลาดแล้ว จากการตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม พบมีกลุ่มนิติบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับคดีพิเศษ 10 สำนวน และมีการนำสินค้าดังกล่าวออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว ผลการตรวจสอบข้อมูลในระบบของกรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 – 31 ก.ค.66 พบว่า มีใบขนสินค้ารวมทั้งหมด 2,385 ใบขน มีมูลค่าสินค้านำเข้า จำนวน 1,566,760,187 บาท จึงรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 126/2566 อยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ จำนวน 7 ประเทศ อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์กบราซิล ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่มีการส่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร

“กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการไม่ได้ล่าช้าแต่มีกระบวนการที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องและต้องมีการประสานงานกับต่างประเทศ โดยพนักงานสอบสวนเดินทางต้องเดินไปประเทศต้นทางว่ามีการสำแดงสินค้าส่งมาในตู้ว่าเป็นอย่างไรเพราะเข้ามาสำแดงเป็นเนื้อสุกร ซึ่งพบว่าประเทศอิตาลีและบราซิล ยืนยันชัดเจนว่าไม่มีการส่งปลาแซลมอนมายังประเทศไทย แต่กลับมีการสำแดงนำเข้าเป็นปลาแซลมอนจากประเทศดังกล่าว”

พ.ต.ต.ณฐพล เผยต่อว่า กลุ่มที่ 3 กลุ่มขบวนการสวมสิทธิถิ่นกำเนิด จากการตรวจสอบขยายผล ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีขบวนการร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าซากสัตว์ประเภทต่างๆ เพื่อสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าผลิตและส่งออกจากราชอาณาจักรไปยังต่างประเทศ ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 127/2566 ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีผู้ต้องหาจำนวน 14 ราย ประกอบด้วย นายทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยทั้งข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ส่งสำนวนไป ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 9 ก.ย.67

“สรุปจากการรับคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าและส่งออกซึ่งซากสัตว์ รับไว้ทำการสอบสวนทั้งหมด จำนวน 12 คดี ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 11 คดี ส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. แล้ว มีทั้งนายทุนชาวไทย ชาวจีน ข้าราชการประจำ และข้าราชการฝ่ายการเมือง รวมประมาณ 30 ราย โดยข้าราชการมีการระบุชื่อและพฤติการณ์ชัดเจน แต่จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและฝ่ายการเมืองนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งอยู่ระหว่าง ป.ป.ช. ขยายผลอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลืออีก 1 เรื่อง (คดีพิเศษ 126/2567) ที่อยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือทางอาญากับอีก 7 ประเทศ เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป”.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย