นายกฯ ให้ความสำคัญ พร้อมดูแลผู้สูงอายุ-เด็กปฐมวัย

ทำเนียบฯ 30 มี.ค.-นายกฯ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การบูรณาการเพื่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต สำหรับกลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ” ย้ำรัฐบาลเตรียมความพร้อมดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กปฐมวัยให้เกิดผลสัมฤิทธิ์อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันชี้แจงกรณีเปิดสอบครูผู้ช่วย ไม่ได้ดูถูกครูที่มีอยู่เดิม แต่เป็นการปฏิรูปการศึกษา และขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันยืนยันเรื่องพลังงานจะไม่ให้ใครเข้ามาได้ประโยชน์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การบูรณาการเพื่อการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต สำหรับกลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ” ระหว่างรัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงจาก 4 กระทรวง ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งการลงนามในบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิตในกลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแผนยุทธศาสตร์ประเทศด้านสาธารณสุขและยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพื่อรองรับการเป็นสังคมสูงอายุและความสมดุลของประชากรในวัยต่าง ๆ ที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ โดยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 ขณะที่กลุ่มวัยเด็กและวัยทำงานที่ต้องดูแลผู้สูงอายุมีแนวโน้มลดลง มีปัญหาเด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ ส่งผลกระทบต่อประชากรวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต จึงต้องมีการตั้งเป้าหมาย “เด็กไทยเติบใหญ่มีคุณภาพ ผู้สูงวัยเป็นหลักชัยของสังคม มุ่งสู่ประเทศไทย 4.0” ในปี 2564

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนาม นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายว่า การลงนามวันนี้ เป็นสิ่งยืนยันเจตนารมณ์เพื่อให้การดำเนินการเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง และรัฐบาลสนับสนุนทุกกระทรวงให้นโยบายดังกล่าวเกิดขึ้นและต่อเนื่อง สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งงานของทุกกระทรวงต้องกำหนดผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ และวันนี้รัฐบาลพยายามเดินหน้าไปสู่การปฎิรูป แม้จะมีคนบางส่วนไม่เข้าใจการดำเนินงานของรัฐบาลทั้งหมด แต่ก็ต้องมีความพยายามสร้างความเข้าใจ


“รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุที่จะมีเพิ่มขึ้นมาก และในฐานะที่สังคมไทยต้องดูแลพ่อแม่ผู้สูงอายุด้วย โดยรัฐบาลต้องดูสวัสดิการทางสังคม ไม่ให้ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง เพราะลูกหลานต้องเข้ามาทำงานในเมือง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันหาแนวทางที่จะทำอย่างไรให้ครอบครัวได้ติดต่อกัน มีความใกล้ชิดครอบครัว เพื่อให้ผู้สูงอายุได้มีความสุข รัฐต้องหาแนวทางคืนคนให้กลับสู่ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม กระจายรายได้อาชีพไปสู่ต่างจังหวัด ลดความแออัดในกรุงเทพฯ ขณะที่คนในวัยเกษียณ 60 ปีขึ้นไป หากยังสามารถทำงานได้ ก็ต้องหางานที่เหมาะสมให้ทำ เช่นเดียวกับการดูแลทุกช่วงวัยที่รัฐบาลดูแล ตั้งแต่การตั้งครรภ์ของมารดา การศึกษา ซึ่งผมอยากให้เด็กทุกคนเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีจรรยาบรรณ แบ่งปันผู้อื่น มีหลักคิดที่ถูกต้อง เพราะถ้าตัวเราเองดี ทุกคนดี สังคมดี ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องการศึกษาว่า รัฐบาลต้องการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ ทุกคนต้องมองปัญหาของชาติ และทุกคนทุกฝ่ายในระบบการศึกษาต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะเรื่องครูนั้น ตนไม่ได้ดูถูกครู ไม่ใช่ว่าจบครุศาสตร์ 5 ปีนั้นไม่ดีหรือสอนไม่ได้ แต่ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เปิดสอบครูผู้ช่วยนั้น เพื่อเปิดทางให้มีครูในสาขาที่ไม่เพียงพอได้เข้ามา เนื่องจากคะแนนของเด็กไทยในบางวิชานั้นต่ำกว่าเกณฑ์ แต่หากเปิดให้สาขาวิชาอื่นเข้ามาแล้วสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี ก็ต้องหาแนวทางแก้ไข  ซึ่งอาจจะต้องประเมินผลครูผู้ช่วยทุก 6 เดือน และสอบครูให้ได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้ตนหวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะไม่ถูกถอดถอน เพราะขณะนี้เกิดผลกระทบกับตัวรัฐมนตรีค่อนข้างมาก

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องพลังงานว่า ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานความไว้วางใจของกันและกัน และขอให้ทุกคนเชื่อใจในการดำเนินการของรัฐบาล และขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าจะไม่ให้ใครเข้ามามีผลประโยชน์ในเรื่องนี้


“อยากให้ทุกคนอยู่บนความไว้วางใจผม และผมขอเอาชีวิตของผมยืนยันว่าจะไม่ปล่อยปละให้ใครเข้ามาได้ประโยชน์ และยืนยันว่าทหารไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปมีบทบาทในด้านพลังงาน ยืนยันว่าไม่มีอยู่ในความคิด หรือหากว่าจะมีคนอื่นคิด ผมก็จะไม่อนุญาต จึงขอให้เชื่อมั่นผมในส่วนนี้ และขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการ ซึ่งข้อมูลหลายอย่างที่ออกไปนั้นเป็นเรื่องของการพูดคุยในวงประชุมที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ซึ่งหากไม่เข้าใจกันก็จะทำให้เกิดความสับสนได้ และวันนี้ต้องนำความคิดเห็นของประชาชนเข้ามาพิจารณา ยืนยันว่าอะไรที่ไม่สามารถทำได้ ก็จะไม่ทำ เรื่องใดที่ไม่ถูกต้อง หรือส่อที่จะเสียผลประโยชน์ ก็จะไม่ให้ทำ ขอให้เชื่อมั่น และฝากผู้ว่าราชการและหัวหน้าส่วนทุกส่วนราชการ ช่วยทำความเข้าใจให้กับรัฐบาลด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีความตั้งใจทำงาน ส่วนราชการทุกส่วนก็เช่นเดียวกันที่ต้องทุ่มเททำงานและอธิบายต่อได้ ต้องสร้างความเข้าใจว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

“หากเราไม่เริ่มต้นทำในวันนี้ และถ้าหากยังคงขัดแย้งกันอยู่เช่นเดิม จะไม่มีอนาคตสำหรับประเทศไทย และไม่มีโอกาสทำอะไรอีกแล้วที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ผมไม่ได้ดูถูกใคร แต่คิดว่าหากสิ่งที่ทำวันนี้ ไม่ได้รับการสานต่อ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและกลับมาเช่นเดิม เราก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการมอบนโยบาย สื่อมวลชนได้รอสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีบริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี พูดว่า จะถามเรื่องอะไร ปิโตรเลียมหรือ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ยื่นเอกสารชี้แจงกรณีร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียมและร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียมให้กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า “เอาไป ผมเตรียมไว้ให้แล้ว ผมเขียนเองเมื่อเช้า และก็ลงตามนี้ด้วย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกลุ่มคัดค้านมายังบริเวณหน้ารัฐสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากทำผิดกฏหมาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ให้รู้บ้างว่าการแก้ไขปัญหาตามระบบดำเนินการอย่างไร ไม่ใช่ใช้กฎหมู่อยู่ตลอด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]

ลุ้นมติแพทยสภาวันนี้ ปมลงโทษ 3 หมอกรณีชั้น 14

กทม. 12 มิ.ย.-ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เริ่มการประชุมแล้ว โดยวาระที่ต้องจับตา คือการลงมติชี้ขาดโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กรรมการแพทยสภา เริ่มทยอยเดินทางเข้าห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภา จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของทุกเดือน โดยวันนี้มีวาระที่สังคมจับตา คือการพิจารณามติลงโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร บนชั้น 14 หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วีโต้คัดค้านความเห็นมติการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 รายในการประชุมครั้งที่แล้ว โดยวันนี้มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ จะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมในเวลา 12.00 น. โดยมีเวลา 15 นาทีในการชี้แจง จากนั้นต้องออกจากห้องประชุมทันที เพราะเป็นการประชุมลับ รศ.พญ.ประสบศรี อึ่งถาวร หนึ่งในกรรมการแพทยสภาโดยเลือกตั้ง ให้ข้อมูลก่อนเข้าประชุมว่า การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาจะเข้าร่วมการประชุม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมา […]

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]