กรุงเทพฯ 5 ม.ค.-เครือข่ายงดเหล้าเสนอใช้ยาแรงจัดการเมาแล้วขับยึดคนแทนยึดรถ หลังสถิติเจ็บตายปีใหม่พุ่งสูงสุดในรอบ10ปี จี้เดินหน้าเข้มต่อเนื่องก่อนสงกรานต์
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) กล่าวถึงกรณียอดอุบัติเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงปีใหม่7วันอันตราย ว่า ถือเป็นยอดการเสียชีวิตที่รุนแรงและสูงที่สุดในรอบ10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเครือข่ายฯขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้ที่สูญเสียและบาดเจ็บในเทศกาลหยุดยาวครั้งนี้ โดยทางออกของปัญหาต้องนำบทเรียนจากปีใหม่มาทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาเพื่อลดปริมาณยอดอุบัติเหตุช่วงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งทุกปี นอกจากปัญหาขับรถด้วยความเร็ว โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ถนนมีทั้งน้ำและแป้ง ยิ่งทำให้ลื่นเกิดอุบัติเหตุง่าย แล้วยังมีปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นปัจจัยอันดับ 1 เข้าไปเกี่ยวข้องในการเดินทางและเฉลิมฉลอง อีกทั้งประเทศไทยยังติดอันดับ2ของโลกที่มีสถิติการเสียชีวิตบนท้องถนน ตอนนี้สายตาต่างชาติมองว่าไทยเป็นประเทศที่อันตรายในการใช้รถใช้ถนน การออกมาตรการหรือกฎหมายใดๆ จึงควรรีบคิดและออกมาบังคับใช้ก่อนช่วงสงกรานต์ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนั้นระยะเวลา 3 เดือนหลังจากนี้จึงต้องรีบตัดสินใจและลงมือทำทั้งระบบ
เภสัชกรสงกรานต์ กล่าวต่อไปว่า ควรบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ช่วงสงกรานต์อย่างเข้มงวด เช่น การห้ามดื่มสุราบนรถ การห้ามขายสุราบนทาง บนถนน ริมทาง ไหล่ทาง ฟุตบาท รวมถึงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้คนเมาขาดสติ ตลอดจนห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งกฎหมายเหล่านี้มีการบังคับใช้กันน้อยมากและจากการเฝ้าระวังของเครือข่ายฯ ยังพบการละเมิดกฎหมายจำนวนมาก ในส่วนการขายการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอุทยานก็ควรออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกเป็นกฎหมายลูกที่มีบทลงโทษรุนแรงกว่ามาก และถ้าจะให้ได้ผลเด็ดขาดกว่า รัฐบาลควรเปลี่ยนมา “ยึดคน” แทน “ยึดรถ” เนื่องจากใช้มาแล้ว 2-3รอบ ยังไม่ได้ผล คือหากใครเมาแล้วยังมาขับรถ ต้องถือว่าไม่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ร่วมทาง ควรจับไปปรับทัศนคติ3-5วัน
ขณะเดียวกันจำเป็นต้องรีบจัดหาเครื่องเป่าตรวจแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ แม้มีกฎหมายแต่หากยังไร้การบังคับใช้ก็ไม่สามารถลดยอดอุบัติเหตุการเสียชีวิตได้ ขณะที่ภาคธุรกิจคนผลิตคนขายน้ำเมาเองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยมิใช่ลอยตัวบนความสูญเสียของคนไทยแถมยังเร่งแผนการตลาดให้คนดื่มมากขึ้นในช่วงนี้ด้วย .-สำนักข่าวไทย