กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – “ทนายอนันต์ชัย” ฟัน 100% คดีพระดังโอนเงินกว่า 12 ล้านบาท ไปเยอรมนี ยังไงก็ไม่รอด จี้ ตร.เร่งสอบเส้นเงินสีกาคนสนิท
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เปิดเผยถึงกรณีพระวัดดัง จ.ปทุมธานี ที่มีประเด็นเกี่ยวกับเงินจำนวน 12.2 ล้านบาท ว่าวันศุกร์นี้จะเดินทางไปกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำหลักฐานไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม ให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ตั้งแต่ก่อตั้งวัดมาจนถึงปัจจุบัน ว่ามีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งมั่นใจ 100% ในคดีนี้ยังไงก็ไม่รอด พร้อมเปิดหลักฐานการโอนเงินของพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี จากประเทศไทย ไปให้สีกาในเยอรมนี นอกจากนี้ยังมีคำให้การของพระในศาลเยอรมนี ที่ยอมรับว่าเงินที่โอนเป็นเงินรับบริจาคของวัด
ส่วนเมื่อวานนี้ทนายของวัดแถลงข่าวมีประโยคหนึ่งระบุว่า “เป็นเงินบริจาค โดยไวยาวัจกรเป็นคนเบิกเงิน จากนั้นจะโอนเข้าบัญชีของคุณยุ สีกาที่เยอรมนี ก่อนจะโอนต่อไปที่สมาคมและมูลนิธิที่อยู่เยอรมนี ตรงนี้สามารถตรวจสอบได้” แต่หากไปดูข้อกฎหมาย ตามกฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด ปี 11 การจัดการเงินของวัดจะต้องเอาเงินเข้าบัญชี และวัดจะมีเงินสดเก็บไว้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อปี แต่ฉบับปี 64 ได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี นอกจากนั้นจะต้องเอาเงินเข้าบัญชี และในการเปิดบัญชีและทำธุรกรรม จะมี 2 คน ที่สามารถทำได้คือเจ้าอาวาสและไวยาวัจกร
ในเรื่องนี้จึงตั้งข้อสังเกตว่าวัดมีการทำบัญชีดังกล่าวหรือไม่ และเงินจำนวน 12.2 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้จากที่ใด แต่ในวันนี้เรามีพยานหลักฐานที่ได้มา แต่ทางเจ้าอาวาสอ้างว่า เงินที่โอนก้อนแรกจำนวน 6 ล้านบาท เป็นเงินพี่สาว ส่วนเงินก้อนอื่นตามหลักฐานเป็นเงินของวัด ส่วนจะเบิกถอนเงินตรงนี้ก็จะต้องมีที่มาที่ไป รวมถึงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การโอนเงินจำนวน 12.2 ล้านบาท ของวัดเข้าบัญชีคุณยุที่เยอรมนี แล้วโอนต่อไปที่มูลนิธิหรือสมาคม โดยหลักแล้วถือว่าผิด เพราะมูลนิธิหรือสมาคมเป็นนิติบุคคล แม้ว่าทนายของวัดจะบอกว่าเงินดังกล่าวทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำกิจกรรม ก็ถือว่าผิดตามกฎกระทรวงอยู่ดี รวมถึงการที่ตัวเองมีอำนาจในการเบิกจ่ายแล้วเงินเข้าบัญชีตัวเองก็เข้าเงื่อนไขกฎหมายการฟอกเงิน มองว่าประเด็นนี้ทางวัดจะต้องชี้แจงเจตนากับตำรวจ ปปป. ส่วนเรื่องที่จะให้ทางตำรวจไปตรวจสอบมูลนิธิที่อยู่เยอรมนีนั้น ก็คงทำไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักร
ส่วนประเด็นที่มีการเปิดเผยถึงสีกาคนสนิทกับเจ้าอาวาส ว่ามีการนำเงินไปซื้อรถและทะเบียนสวย เรื่องนี้ก็มั่นใจว่าตำรวจ ปปป. สามารถตรวจสอบและดำเนินคดีเอาผิดได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่นางสาวทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความของคุณยุ ยืนยันว่า คุณยุที่ออกมาแจ้งความ ไม่ได้ผิดใจกับทางเจ้าอาวาส และยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของไทย หากตัดสินแล้วว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิดเงินบริจาควัด และพร้อมกลับมาไทยเพื่อรับผิดชอบ โดยมีทั้งหมดประมาณ 9 คน รวมเจ้าอาวาส
ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า การกระทำผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร จะทำให้เจ้าอาวาสหลุดพ้นคดีหรือไม่นั้น ตนมองว่าเหตุเกิดเริ่มจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถตรวจสอบดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน. -416-สำนักข่าวไทย