กกร.ปรับตัวรับยุค 4.0 ดูแลค้าขายออนไลน์

นนทบุรี 6 ม.ค.  – นายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)  ซึ่งที่ประชุมทบทวนรายการสินค้าควบคุม จากเดิมปีที่ผ่านมากำหนดไว้ 45 รายการ แบ่งเป็นสินค้า 42 รายการ และบริการ 3 รายการ โดยที่ประชุมวันนี้มีมติให้ปรับเพิ่มเป็น 47 รายการ  สินค้าเท่าเดิม 42 รายการ แต่ปรับชื่อ 1 รายการ โดยปรับชื่อจากนมผงเป็นผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคชนิดเหลว


ส่วนบริการปรับเปลี่ยน 1 รายการ จากบริการรับฝากสินค้าหรือบริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า  เปลี่ยนเป็นบริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า เนื่องจากมี พ.ร.บ.คลังสินค้าไซโลและห้องเย็นปี  2558 บังคับใช้แล้ว  และเพิ่มอีก 2 รายการ คือ ​บริการค่าขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์ เพื่อสอดรับกับการทำธุรกิจในปัจจุบันที่สินค้าออนไลน์มีบทบาทมาก จึงควบคุมบริการค่าขนส่งสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์  ส่วนบริการอีกตัวที่เพิ่ม คือ บริการรับชำระเงิน ณ จุดบริการ  เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นต้น เพราะประชาชนใช้บริการมากขึ้น

นอกจากนี้ กกร.ยังทบทวนมาตรการกำกับและดูแลสินค้าและบริการควบคุม โดยส่วนใหญ่ยังใช้มาตรการเดิมที่ใช้ในปี 2559 แต่ปรับให้สอดคล้องกับภาวะตลาด  5 รายการ แบ่งเป็นเพิ่มรายละเอียดมาตรการ 1​ รายการ ได้แก่  ข้าวสาลี จากเดิมแจ้งปริมาณนำเข้าราคา และแจ้งแผนการนำเข้าทุก ๆ  3  เดือน  โดยให้เพิ่มพิกัดศุลกากรและแจ้งแผนเปลี่ยนแปลงการนำเข้าได้ 1 ​ครั้ง  ปรับเปลี่ยนมาตรการ 4 รายการ คือ กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า จากเดิมให้แจ้งราคาล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนแปลงราคา แก้ไขเป็นแจ้งราคาให้ทราบหลังเปลี่ยนแปลงราคาทันที เพราะมีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว จึงลดภาระงานที่ไม่จำเป็นกลไกตลาดทำงานอยู่แล้ว  รถจักรยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก เช่นกัน จากเดิมแจ้งราคาประจำทุกเดือน เป็นให้แจ้งราคาให้ทราบหลังเปลี่ยนแปลงราคาทันที เพราะมีการเปลี่ยนแปลงราคาไม่บ่อยครั้งและมีการแข่งขันสูง  จึงไม่จำเป็นต้องแจ้งประจำทุกเดือนลดภาระงานกรมการค้าภายใน


มันสำปะหลังสดและมันเส้น  และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ขนย้ายบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยยกเลิกอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากไม่มีพื้นที่ติดชายแดนและเพิ่มอำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานีแทน  เนื่องจากติดกับ สปป.ลาว  และ กกร.ยังมีมติทบทวนการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการและค่าบริการปีนี้ ดังนี้ การแสดงราคาสินค้าจากเดิม 283  รายการ มีการยกเลิก 1 รายการ คือ ฟิลม์ถ่ายรูป คงเหลือ 237 รายการ  ส่วนการแสดงค่าบริการ จากเดิม 48  รายการเพิ่ม 1 ​รายการ เป็น 49  รายการ เพิ่มการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ หรือออนไลน์ เป็นการปรับตามสถานการณ์ของการค้าขาย เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

กกร.ยังเพิ่มการกำกับการดูแลการแสดงสินค้าและรายละเอียดการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีมติให้แสดงราคา ประเภท ชนิด ขนาด น้ำหนัก รายละเอียดของสินค้าและค่าบริการ พร้อมรายละเอียดรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นให้เห็นอย่างชัดเจนและครบถ้วน เพราะคนซื้อสินค้าออนไลน์ดูรูปขนาดใหญ่แต่เมื่อได้รับสินค้า พบว่าสินค้ามีขนาดเล็กกว่าที่เห็นในภาพ หากไม่ปฏิบัติตามหรือจำหน่ายราคาสูงกว่ามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท  สำหรับผลการประชุม กกร.วันนี้จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ คาดว่าจะเป็นวันอังคารที่ 17 มกราคมนี้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นว่า ภาพรวมกระทบต้นทุนราคาสินค้าน้อยมาก จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาสินค้า รวมถึงอาหารสำเร็จรูปข้าวแกง แต่การปรับขึ้นค่าแรงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ และเพิ่มโอกาสการจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันผู้ผลิตสินค้ายังใช้กำลังการผลิตในโรงงานไม่เต็มที่อยู้แล้ว  จากการศึกษาของกรมการค้าภายในพบว่าการปรับขึ้นค่าแรงไม่น่าจะมีผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้า  เพราะค่าแรงจะมีสัดส่วนต่อต้นทุนสินค้าประมาณ ร้อยละ 10 – 30 หากขึ้นค่าแรงสูงสุด 10 บาท เท่ากับขึ้นร้อยละ 3.3 กระทบต้นทุนราคาสินค้าเพียงร้อยละ 0.018 และสูงสุดร้อยละ 1.02 เท่านั้น เนื่องจากการผลิตสินค้าปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรผลิต ค่าแรงที่ปรับขึ้นจึงกระทบราคาสินค้าไม่มาก เช่น นนยูเอชที กล่องละ 12  บาท ผลิตโดยเครื่องจักรกระทบต้นทุนร้อยละ 0.067 เท่านั้น คิดเป็นเงิน 0.01  บาท ผงซักฟอกถุงละ 63 บาท กระทบ 0.132 หรือคิดเป็นเงิน 0.08 บาท หรือ 8  สตางค์เท่านั้น โดยกลุ่มผลิตสินค้าด้วยเครื่องจักรไม่กระทบต่อต้นทุนมาก แต่สินค้าบางกลุ่มที่ใช้แรงงานมาก เช่น การผลิตชุดนักเรียนอาจกระทบต้นทุนตัวละ 1.74 บาท จากชุดละ 180 บาท กระทบต้นทุนน้อยมาก ไม่มีนัยจะปรับราคา  ด้านอาหารปรุงสำเร็จที่จำหน่ายราคาจานละ 35 บาท กระทบร้อยละ 0.57  หรือคิดเป็นเงินประมาณ 20 สตางค์ ไม่น่าจะกระทบราคาขาย แต่ในทางตรงกันข้าม การปรับเพิ่มค่าแรงช่วยให้กำลังซื้อผู้ใช้แรงงานเพิ่มมากขึ้น


 

ส่วนประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน เบื้องต้นจากการศึกษาพบว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบต่อค่าขนส่งสินค้า แต่การผลิตกระทบน้อย เพราะใช้ไฟฟ้าในการผลิต  สำหรับค่าขนส่งคิดเป็นต้นทุนของสินค้าร้อยละ 0.25 และสูงสุดที่ร้อยละ 10.15 เท่านั้น ดังนั้น หากพิจารณาจากระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นมาลิตรละ 60  สตางค์ จาก  26.14 บาท เป็น 26.74 บาทต่อลิตร คิดเป็นร้อยละ  2.29 กระทบต้นทุนสินค้าเพียงร้อยละ 0.02 เท่านั้น สินค้ากลุ่มสบู่ ผงซักฟอก ถุงพลาสติก จะกระทบน้อยมาก แต่กระทบมากคิดเป็นร้อยละ 0.09 ในกลุ่มสินค้ามีน้ำหนักมาก เช่น ปูนซีเมนต์  เหล็กกระทบ ร้อยละ 0.02 อย่างไรก็ตาม หากมองระดับราคาน้ำมันผลกระทบสูงสุดไม่ถึงร้อยละ 1.1

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะต้องติดตามระดับราคาน้ำมันต่อไป หากน้ำมันดีเซลขึ้นไม่เกินกว่าปี 2557 ที่ราคาอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท ประเมินว่า ไม่น่ากระทบราคาสินค้าต้องปรับเพิ่มขึ้น  ประเด็นราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมีผลด้านบวกต่อระดับราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นไป ส่งผลให้เกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยภาพรวมขณะนี้ปัจจัยมีทั้งบวกและลบ แต่ปัจจัยด้านลบมีผลน้อยมาก จึงคาดว่าจะอยู่ในความควบคุมและดูแลได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]