ศาลฎีกาฯ 19 ม.ค.- ศาลฎีกาฯนักการเมือง สั่งปรับ “หม่อมเต่านา-ธรรศ” คนละ 500 บาท ผิดละเมิดศาล กรณีจ้องหน้าคุกคามคณะอัยการ คดีรับจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า เมื่อเวลา 9.00 น. นายวิรุฬห์ เเสงเทียน รองประธานศาลฎีกา พร้อมองค์คณะ 3 คนออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาล ที่พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯ ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล อดีตนักเขียนบทภาพยนตร์เเละผู้กำกับภาพยนตร์ และนายธรรศ วันพฤหัส อดีตเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา สภาผู้แทนราษฎร มีพฤติการณ์เเสดงท่าทาง จ้องหน้า และเดินตามคณะพนักงานอัยการ ที่ว่าความคดี โครงการจำนำข้าว ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 59 เวลา 12.00 น. ระหว่างการหยุดพักพิจารณาคดี
โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา องค์คณะได้หมายเรียกบุคคลทั้งสองมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรับว่า ตามวันเวลาดังกล่าวได้หันไปมองหน้าคณะอัยการจริง ซึ่งศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยจริง จึงงดการไต่สวนเเละนัดฟังคำสั่งในวันนี้ และในวันนี้ ม.ล.มิ่งมงคล พร้อมด้วยทนายความ และนายธรรศ ได้เดินทางมาศาล โดยคณะอัยการได้มาร่วมฟังคำสั่งด้วย
องค์คณะ พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของ ม.ล.มิ่งมงคล และนายธรรศ เข้าไปยืนระยะประชิด และจ้องหน้าในลักษณะคุกคามพนักงานอัยการ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำในศาล จึงมีคำสั่งว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด ไม่รักษาความสงบเรียบร้อยในศาล ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 18 วรรคสอง และประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) และมาตรา 33
ส่วนนายธรรศ แม้ไม่ยอมรับตามข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยอ้างว่า ไม่ได้เดินตามพนักงานอัยการในระยะประชิด และไม่ได้ถ่ายรูปพนักงานอัยการ แต่ตามหลักฐานภาพถ่ายในศาลเห็นว่า นายธรรศ มาด้วยกันกับ ม.ล.มิ่งมงคล และเดินทางกลับด้วยกัน เเต่การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่ร้ายแรง จึงให้ลงโทษสถานเบา สั่งปรับผู้ถูกกล่าวหาคนละ 500 บาท
จากนั้น ม.ล.มิ่งมงคล กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งเเล้ว ไม่ขอให้สัมภาษณ์ แต่ตนจะเขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวให้รออ่าน ส่วนวันนัดไต่สวนคดีจำนำข้าวคงไม่ได้มาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เเต่นัดต่อ ๆ ไปมีเวลาว่างก็คงจะมา .-สำนักข่าวไทย