กรุงเทพฯ 27 ม.ค.- หลายหน่วยงานร่วมชี้แจงการเปิดใช้พร้อมเพย์อย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเผยแผนพัฒนาในอนาคต 1 มีนาคม นิติบุคคลใช้พร้อมเพย์ได้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันเปิดบริการพร้อมเพย์อย่างเป็นทางการวันนี้วันแรก หลังจากมีการพัฒนาระบบจนสำเร็จเมื่อปีที่ผ่านมา และหลังจากนี้ไปจะสามารถเริ่มให้บริการรับเงินและโอนเงินโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเลขประจำตัวประชาชนแทนเลขบัญชีเงินฝากธนาคารสำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคล โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมสูงเหมือนที่ผ่านมา ที่เมื่อโอนเงินข้ามธนาคาร หรือโอนเงินข้ามเขต จะเสียค่าธรรมเนียมการโอนขั้นต่ำ 25 บาทต่อครั้งขึ้นไป โดยการบริการพร้อมเพย์จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มศักยภาพด้านการเงินของประเทศเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน ลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ ลดต้นทุนโดยในส่วนของการโอนระหว่างบุคคล ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการให้บริการทางการเงินของสถาบันการเงินได้ดีขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ให้ทุกธนาคารเริ่มเปิดลงทะเบียนของบริษัท นิติบุคคลเพื่อใช้ระบบพร้อมเพย์ได้ และจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป ซึ่งการลงทะเบียนพร้อมเพย์จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเอกชนมากขึ้น และการติดตั้งเครื่อง EDC นั้น ขณะนี้มีเอกชนมายื่นซองเพื่อประมูลการติดตั้งเครื่องดังกล่าวแล้ว 2 ราย และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์จะได้รายชื่อเอกชนที่ติดตั้ง และเริ่มติดตั้งได้จริงในวันที่ 1 มีนาคมนี้
ขณะที่การชำระภาษีของนิติบุคคลนั้น ในวันที่ 1 มีนาคม 2560 จะเริ่มให้ผู้ประกอบการส่งใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับกรมสรรพากร แทนการส่งเอกสารที่เป็นกระดาษในปัจจุบัน ส่วนการชำระเงินการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการได้ภายในต้นปีหน้า โดยมีตัวกลางการรับชำระเงินแทนระบบการชำระเงินจากปัจจุบัน ซึ่งจะลดเวลาของกระบวนการชำระเงินค่าหุ้นให้เร็วขึ้นจาก 3 วัน เป็น 2 วันเท่านั้น
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า ธปท.ได้รับผิดชอบใน 2 โครงการหลัก คือ พร้อมเพย์และโครงการขยายการใช้บัตรเดบิต ซึ่งขั้นตอนการพัฒนาระบบดังกล่าว ธปท.จะเน้นดูแลความปลอดภัยและการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้า พร้อมติดตามการทำงานของสถาบันการเงินหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันมีการทำธุรกรรมการโอนเงินระหว่างกันอยู่ถึง 4 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งให้การบริการพร้อมเพย์เป็นการตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินได้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนใช้ระบบพร้อมเพย์แล้ว 20 ล้านบัญชีแล้ว โดยในปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้งต่อปีอยู่ที่ 264 ล้านธุรกรรม มีเม็ดเงินหมุนเวียนตรงนี้ต่อปี 3 ล้านล้านบาท โดยมีบัญชีอยู่ในระบบมากกว่า 14 ล้านบัญชี
นายปรีดี ดาวฉาย นายกสมาคมธนาคารไทย ยืนยันธนาคารพาณิชย์พร้อมใจกันพัฒนาระบบนี้อย่างเต็มที่ และมีการลดค่าธรรมเนียนการโอนให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ไว้ ซึ่งคาดว่า หลังจากเปิดให้นิติบุคคลเข้ามาลงทะเบียนแล้ว จะมีผู้ใช้บริการผ่านพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านบัญชีได้ในไม่ช้านี้ และในอนาคตนิติบุคคลจะเข้ามาอยู่ในระบบพร้อมเพย์ได้ในจำนวนมาก และเชื่อว่าการคิดค่าธรรมเนียมของสถาบันการเงินที่แข่งขันสูง จะทำให้นิติบุคคลที่อยู่ในระบบพร้อมเพย์จะเสียค่าธรรมเนียมถูกลงจากปัจจุบันเสียค่าธรรมเนียม 25-30 บาท จะเหลือไม่ถึง 10 บาทต่อรายการ.-สำนักข่าวไทย