วิษณุ แนะใส่มาตรฐานจริยธรรม ในกฎหมายป.ป.ช.

visanu - 25-5-2558 18-33-50สโมสรทหารบก วิภาวดี 1 ก.พ. – วิษณุ แนะใส่มาตรฐานจริยธรรมของศาล รธน. เป็นกฎหมาย ป.ป.ช. เพื่อให้บังคับใช้ได้จริง ด้านประธาน ป.ป.ช.มั่นใจเวลาทำงานจะเป็นเครื่องการันตีการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีจริยธรรมมากขึ้น ด้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อการมีจริยธรรมช่วยให้ปราบปรามการทุจริตได้


ผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดสัมมนาเรื่อง “เหลียวหน้า แลหลัง จริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ” โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเสวนาว่า ขณะนี้ร่างรัฐธรรมนูญอยู่ในระหว่างการแก้ไขตามพระราชอำนาจ ที่มีข้อสังเกตพระราชทานมา ซึ่งนายกฯได้รับการพระราชทาน ร่างรัฐธรรมนูญคืนมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยกระบวนการแก้ไขใกล้จะแล้วเสร็จแล้ว  ซึ่งเป็นการแก้ในบางมาตราที่ในหลวงทรงพระราชทานข้อสังเกตบางประเด็นเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการปรับลดจำนวนมาตรา หลังจากนั้นจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อีกรอบ ก่อนวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยจะมีเวลา 90 วัน ในการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญลงมา สาเหตุที่ต้องเริ่มนับใหม่ เพราะตอนที่นายกรัฐมนตรี ได้รับคืน ก็รับคืนทั้งฉบับ ไม่ได้รับคืนบางส่วน จึงต้องเริ่มนับ 90 วันใหม่ ซึ่งท่านอาจจะโปรดเกล้าฯ ก่อนครบกำหนดก็ได้

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ โรดแมปก็จะเริ่มนับหนึ่งตามที่ได้ระบุไว้ ในเรื่องของจริยธรรมตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น จะเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องเชิญผู้แทนองค์กรอิสระทั้ง 5 องค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรรมการสิทธิมนุษยชน มาร่วมกันทำมาตรฐานจริยธรรมให้เสร็จภายใน 1 ปี  ถ้าหากไม่เสร็จตามกรอบระยะเวลา ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด ซึ่งจะทำแบบเร่งรีบไม่ได้ด้วย


“ทั้งนี้มาตรฐานจริยธรรม จะเป็นดาบคืนสนอง ใช้กับพวกเขาเอง  อีกทั้งจะต้องใช้กับ ส.ส. ส.ว. และคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องรับความเห็นจากพวกเขาด้วย ผมเชื่อว่ามาตรฐานจริยธรรมที่จะออกมานี้ จะเป็นแบบให้กับเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ๆ ทั่วประเทศ เท่านั้นไม่พอ ยังมีมาตรา 76 ที่ได้ระบุว่า รัฐจะต้องกำหนดมาตราฐานทางจริยธรรมขึ้น เพื่อเป็นต้นแบบสำหรับหน่วยภายใต้การกำกับของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรมหาชน เพื่อนำไปทำประมวลจริยธรรมของแต่ละหน่วยงานอีกที” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกให้ฉายาว่าเป็นฉบับปราบโกง ซึ่งมิติหนึ่งของฉายานั้น ก็เป็นเรื่องของจริยธรรม ที่ถูกพูดถึงมากกว่าในรัฐธรรมนูญปี 50 แต่ในเมื่อมีการกำหนดให้ทำมาตรฐาน หรือประมวลจริยธรรมขึ้นมาแล้วองค์กรที่ขับเคลื่อนบังคับให้ใช้จะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะเป็นใคร ซึ่งจะไม่ได้ขึ้นอยู่ที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งแล้ว ส่วนอนาคตจริยธรรมจะมีหน้าตาทิศทางเป็นแบบไหนนั้นทั้งหมดไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ดังนั้นจึงสามารถกำหนดได้ในภายหลังว่าจะขับเคลื่อนส่วนนี้อย่างไรและจะกำหนดโทษของการละเมิดจริยธรรมไว้อย่างไรต่อไป

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่จะทำให้มาตรฐานทางจริยธรรม มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือมีผลบังคับใช้ได้จริงนั้น จะต้องมีการออกเป็นกฎหมายของ ป.ป.ช. ให้ใช้ร่วมพิจารณา โดยจะต้องออกเป็นลักษณะของการกำหนดโทษ หรือต้องให้เป็นหน้าที่ของศาลหนึ่งศาลใด ในการพิจารณาความผิดแต่ละประเภท ในส่วนของมาตรฐานจริยธรรมที่รัฐบาลจะต้องกำหนดนั้น อาจจะมีการแก้ไข พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการ ในหมวดวินัย หากไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ก็จะมีโทษความผิด ซึ่งอาจจะเป็นความผิดธรรมดาหรือฐานความผิดวินัยร้ายแรงก็ได้ ตนเชื่อว่าถ้ากำหนดเช่นนี้ จะทำให้ประมวลจริยธรรมมีผลบังคับใช้จริง


พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า แต่เดิมการตรวจสอบเรื่องจริยธรรมเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะส่งเรื่องที่ได้กลั่นกรองแล้วนั้นมาให้กับป.ป.ช.พิจารณาไต่สวนหาข้อเท็จจริงต่อไป แล้วนำเข้าที่ประชุมเมื่อคณะกรรมการมีมติถอดถอนก็จะส่งให้สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) พิจารณาถอดถอนต่อไป ซึ่งรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมามีการถอดถอนไม่มากนัก และในรัฐบาลนี้มีสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) ถอดถอนไปแล้ว 1 ราย และในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ผู้ตวจการแผ่นดิน ไม่ได้มีหน้าที่คัดกรองเรื่องจริยธรรมให้แก่ป.ป.ช.แล้ว โดยป.ป.ช.จะต้องรับเรื่องเอง และ เมื่อมีมติจากคณะกรรมการป.ป.ช.ว่าถอดถอน ก็ไม่ต้องส่งเรื่องให้กับ ส.ว.พิจารณาแล้ว แต่จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาแทน โดยผู้ที่ถูกร้องเรียนความผิดทางจริยธรรมจะต้องพักจากราชการจนกว่าจะมีมติเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หากมีมติถอดถอนก็ต้องออกจากตำแหน่ง เป็นต้น

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับเรื่องการกำหนดมาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระ ตามมาตรา 76 ในรัฐธรรมนูญนั้น ทาง ป.ป.ช. ได้เขียนแก้ไขไว้ในร่างพระราชบัญญัติแล้ว โดยกำหนดกรอบเรื่องของระยะเวลาในการพิจารณาข้อร้องเรียนแต่ละกรณีว่ามีมูลมากพอหรือไม่  ในระยะเวลา 6 เดือน และอาจขอขยายได้อีก 3 เดือน หากมีเหตุจำเป็น ดังนั้นการแสวงหาความจริงจะมีระยะเวลาที่ชัดเจน ป.ป.ช.จะให้ความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา เพราะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยจะใช้เวลาในการไต่สวนคดีนั้น ๆ 2 ปี และสามารถขอขยายเวลาได้ หากมีเหตุจำเป็น และหากมีมูลคณะกรรมการป.ป.ช จะมีมติส่งฟ้องให้ศาลฎีกาพิจารณาถอดถอนต่อไป

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า สิ่งที่ ป.ป.ช.มั่นใจในมาตรฐานจริยธรรม เมื่อมีการกล่าวหาข้าราชการที่ละเมิดจริยธรรมร้ายแรงนั้นคือตัวกรอบเวลาการทำหน้าที่ ที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นเครื่องการันตีถึงกระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใสและยุติธรรมให้กับสังคมได้ และขณะนี้ป.ป.ช.มีพนักงงานไต่สวนและเจ้าหน้าที่ชำนาญการ กว่า 900 คน ซึ่งหากเราเคลียร์คดีที่ค้างอยู่เดิมได้ก็จะถือเป็นองค์กรที่มีคุณภาพและไม่เกินความสามารถที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสยุติธรรมได้

ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทำผิดจริยธรรมเอง จะมีคณะกรรมการผู้ไต่สวนอิสระเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ และผู้ถูกกล่าวหาต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่และไปสู่การพิจารณาถอดถอนที่ศาลฎีกาเช่นเดียวกับผู้ถูกร้องเรียนในหน่วยงานต่าง ๆ โดยไม่มีการละเว้น

ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การมีจริยธรรมจะช่วยให้สามารถปราบปรามการทุจริตได้  เพราะการทุจริตในประเทศไทย เปรียบเหมือนโรคมะเร็งร้าย ที่คอยกัดกินประเทศมานาน ส่วนตัวอยากให้ แต่ละองค์กรกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครกล้าทำผิด เช่น หากทำผิดควรมีการลงโทษทางวินัย ขั้นต้น ไปจนถึง ผิดวินัยขั้นร้ายแรง นั่นคือ การไล่ออก และเรื่องจริยธรรม ควรปลูกฝังในขั้นอุดมการณ์เพื่อให้คนส่วนใหญ่นึกถึงประเทศเป็นหลัก ยกตัวอย่าง เช่น หากมีการทำผิดอาญาในต่างประเทศ แต่กลับไม่มีความผิดในส่วนของอำนาจไทย ก็ควรให้ถือว่า ผิดจริยธรรมร้ายแรง และสร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศชาติด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]