“ชาญชัย” จี้ไม่ให้ไต่สวนลับ “วิษณุ” ปมรักษาทักษิณชั้น 14

ศาลฎีกา 25 ก.ค.- “ชาญชัย” ขอไต่สวน “วิษณุ” 30 ก.ค. ปมรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 ไม่ให้ไต่สวนลับ ด้าน “หมอวรงค์” ลั่น คดีใกล้ตอกฝาโลงแล้ว ขณะที่ “สมชาย” ยื่นศาลฯ เพิ่ม 2 เรื่อง พบพิรุธไม่ได้รักษาตัวห้อง 1407 ตามที่ยื่นศาล บอกเป็นผู้มีอิทธิพลจะอ้างไม่เกี่ยวไม่ได้


นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีการเข้ารับโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายชาญชัย เผยว่า วันนี้แพทยสภามาตามคำสั่งศาล ให้การชัดเจน ว่าศาลมีการซักถามถึงเอกสารและข้อชัดเจน ให้พยานของนายทักษิณสอบถามได้เต็มที่ แต่การถามของพยานนั้นทำให้ความจริงชัดขึ้น ว่าพยานกำลังบอกว่านายทักษิณผิดในส่วนไหน แต่ในความจริงได้เห็นองค์ความรู้อย่างหนึ่ง คือข้อกฎหมาย ข้อเท็จกระบวนการยุติธรรม ความถูกต้องก็ดี ได้ปรากฏชัดให้ประชาชนเรียนรู้ไปด้วยในตัว สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองความถูกต้องอยู่ตรงไหน และจะจบสิ้นในอีกไม่เกิน 10 วันนี้ ก็คาดหวังให้ความจริงปรากฏและศาลก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ส่วนวันนี้ศาลก็ได้มีการรับเรื่องจากนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ที่ได้ร้องว่า นพ.วรงค์และตนได้มีการไลฟ์สดในบริเวณศาล โดยขอยืนยันว่าไม่ได้ไลฟ์สดแต่อย่างใด ซึ่งศาลก็ได้ยกคำร้อง ส่วนนัดครั้งหน้าที่จะมีนายวิษณุ เครืองาม เข้าให้ข้อมูลกับศาลนั้นไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาลับ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างแรง ซึ่งนายวิษณุอย่าสร้างเงื่อนไขเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าหากจะมาให้ข้อมูล หรือนายทักษิณจะมีข้อตกลงอะไรก็ตาม ทั้งนี้ตนและพวกก็ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจของศาล เชื่อในกระบวนการยุติธรรมและเคารพศาลอยู่แล้ว

ส่วนสัปดาห์หน้าที่นายวิษณุจะมาให้ข้อมูลกับศาลนั้นจะเป็นคุณหรือเป็นโทษ อยู่ที่ศาลจะซักถามเรื่องอะไร ถ้าจะมองว่าเป็นการให้คุณให้โทษกับนายทักษิณ ก็ให้ทนายของนายทักษิณถามให้เต็มที่ และคำวินิจฉัยของแพทยสภาก็ออกมาชัดเจนไม่ได้มีการลำเอียง รวมถึงไม่ได้ไปลงโทษสุ่มสี่สุ่มห้า ถือว่ายังเบาไปสำหรับการกระทำดังกล่าวว่าไปช่วยคนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการของแพทยสภาเสียหาย รวมถึงกระบวนการยุติธรรม และความเสียหายต่อประเทศ ถือเป็นเรื่องหนักมาก ศาลต้องมีคำวินิจฉัยออกมาให้ชัดเจน

ด้าน นพ.วรงค์ เผยว่า วันนี้ศาลได้มีการซักถามแพทยสภา 3 คน ในข้อกล่าวหาที่สังคมสงสัยว่า นักโทษรายนี้ป่วยหนักหรือป่วยวิกฤต ต้องนอนโรงพยาบาลตำรวจกว่า 180 วันหรือไม่ ขณะนี้กระบวนการพิจารณาตอกฝาโรงแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างมีคำตอบจบไปแล้ว แยกเป็น 3 กรณีคือ การส่งตัวในคืนวันที่ 22 ส.ค.2566 ในข้อหาที่สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า ไม่ได้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ถึงแม้จะมีประวัติ แต่ไม่ได้วิกฤต เพราะที่ส่งตัวมานั้นมาด้วยโรคหัวใจ แต่แพทย์ผู้รักษากลับเป็นแพทย์สมอง รวมถึงการอ้างเรื่องการหอบแต่ไม่มีการเอ็กซเรย์ปอด และปัญหาเรื่องโรคหัวใจก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติเร่งด่วนที่จะต้องอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนประเด็นนิ้วล็อคนั้นได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่านิ้วล็อคไม่ใช่วิกฤตฉุกเฉิน ที่จะต้องผ่าตัดโดยเร่งด่วน คนไข้สามารถนอนอยู่ที่บ้านแล้วมาผ่าตัดได้ และการผ่าตัดนิ้วล็อคเป็นการผ่าตัดเล็กไม่ได้ผ่าตัดใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องดมยาสลบ ส่วนใหญ่เป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ และในทางปฏิบัติผ่าตัดเรียบร้อยสามารถไปรักษาแผลที่บ้านได้ ส่วนประเด็นสุดท้ายคือเรื่องเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด ในภาพรวมก็อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การผ่าตัดที่มีการส่องกล้องไม่ได้เป็นเรื่องฉุกเฉินที่ต้องผ่าตัดในทันทีทันใด สามารถนัดหมายมาผ่าตัดได้ ถ้าเป็นประชาชนทั่วไปก็ให้พักอยู่ที่บ้านเมื่อถึงเวลาที่พร้อมก็นัดหมายมาที่โรงพยาบาล และนัดผ่าตัด แต่การผ่าตัดนี้เป็นการผ่าตัดที่ต้องดมยาสลบ และถ้าคนไข้มีประวัติเรื่องโรคหัวใจ ที่ไม่ได้วิกฤตก็สามารถใช้ยาได้ กินยาแล้วก็นัดหมายการผ่าตัด จากภาพรวมพยายามพูดถึงเรื่องวิกฤตฉุกเฉิน แม้นักโทษจะมีโรคเยอะ แต่ถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ให้กินยาต่อเนื่องได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ถ้าหากคนไข้มีอาการกำเริบขึ้นมาก็จะเป็นเงื่อนไขที่จะนอนโรงพยาบาล แต่ข้อมูลที่เราได้ฟังมาโรคหลายหลายโรคไม่ได้กำเริบที่ต้องนอนโรงพยาบาลต่อเนื่อง ถึง 180 วัน และวันนี้แพทยสภาซึ่งถือเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มายืนยันการเจ็บป่วยของนายทักษิณ ถือว่าเป็นการตอกฝาโลง


นายแพทย์ตุลย์ เผยว่าจากวันนี้ได้ฟังพยานที่เป็นตัวแทนของแพทยสภา สรุปได้ว่าจบเห่ แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนกำลังติดตามอยู่ ได้จากราชทัณฑ์ ได้จำคุกนายทักษิณตามหมายขังแล้วหรือไม่ การที่นำตัวทักษิณออกไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจโดยอ้างกฎกระทรวงในการส่งตัวผู้ป่วย ไปรักษานอกเรือนจำ ถ้าเกิดไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่าต้องอยู่นอกเรือนจำ แปลว่าจะไม่มีการจำคุกตามหมายขัง คือต้องกลับไปที่เรือนจำตามหมายศาล และวันนี้ทำให้ทราบว่าใบคำสั่งแพทย์ ทำให้ทราบว่าไม่มีโรคหัวใจเฉียบพลันฉุกเฉินจนต้องส่งมาโรงพยาบาลตำรวจ ตามที่พยานคนแรกได้เห็นเหตุการณ์ ที่ได้ส่งตัวนายทักษิณมานอกเรือนจำ เป็นที่ปรากฏว่าไม่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ที่เกิดจากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ไม้มีการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ด้านนายสมชาย เผยว่า วันนี้มีการส่งเอกสารเพิ่มเติมอีกสองส่วน ที่ได้มาจากแพทย์ผู้หวังดีและศาลได้เรียกเอกสารนั้นมาแล้ว คือใบเสร็จรับเงิน 2,400,000 บาท เป็นห้อง 1404 ไม่ใช่ห้อง 1407 ตามที่พยานจากกรมราชทัณฑ์เบิกความ และในหลักฐานก็บอกว่าใบที่จ่ายเงินและแพทย์ผู้รักษานายทักษิณที่บอกว่าอยู่ 179 วันนั้นอยู่ในห้อง 1404 และเป็นหลักฐานที่ให้ศาลออกไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าห้อง 1407 มีคนอื่นพักอยู่ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2566 จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ดังนั้นพยานที่มาให้การในศาล น่าจะเป็นข้อพิรุธที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ไต่สวนเพิ่มว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมทั้งหมดที่อ้างว่าคุมตัวนายทักษิณอยู่ห้อง 1407 ทั้งพัสดีผู้บัญชาการ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ที่มาตรวจ ที่บอกอยู่ห้อง 1407 นั้น เป็นพยานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และถูกหักล้างได้ หลักฐานนี้ถือเป็นหลักฐานที่มีรายชื่อคนที่อยู่ ห้อง 1407 และบอกว่านายทักษิณอยู่ห้อง 1404 ส่วนใบเสร็จที่ได้มีการส่งไปแล้วนั้นเป็นประโยชน์ในการที่ศาลได้เรียกมา ที่มีการตรวจสอบว่ามีแต่ค่าห้องเป็นส่วนใหญ่ และตนคิดว่าคดีนี้จบแล้วถึงแม้ว่าพยานคนต่อไปจะให้การในเรื่องการเข้าเรือนจำ การขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นเรื่องรอง แต่เรื่องการบังคับโทษของนายทักษิณนั้นชัดเจนว่ามีประเด็นปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ พยาบาลเวร พัศดีเวร ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจนั้น จะเป็นในเรื่องของจรรยาบรรณของแพทย์

“สรุปถ้านายทักษิณมีอิทธิพล ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ประพฤติผิดกฎหมายตามมาตรา 157 นายทักษิณเข้าสู่ตัวการร่วมเป็นผู้สนับสนุนหรือเป็นผู้ทำให้เกิดได้ เพราะ นายทักษิณคือพ่อของนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มีอิทธิพลต่อคนทั้งหมด จะอ้างว่าไม่เกี่ยวไม่ได้” นายสมชาย กล่าว -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]