ก.คลัง 21 พ.ย. – กระทรวงการคลังเผยหนี้สาธารณะเดือนกันยายนอยู่ที่ร้อยละ 42.73 ของจีดีพี คาดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานผลักดันเศรษฐกิจ ยอมรับเงินระบายข้าวไหลเข้ามาภาระหนี้ลดลงเหลือ 420,000 ล้านบาท
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ เปิดเผยว่า ภาระหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 มีจำนวน 5.988 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.73 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มียอดเพิ่มขึ้น 200,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ส่วนใหญ่มาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กู้สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว และสายสีม่วง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้สำหรับปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ โครงการก่อสร้างทางคู่เส้นทางรถไฟสายตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น
ทั้งนี้ สบน.คาดการณ์ว่าปี 2560 ภาระหนี้สาธารณะประมาณร้อยละ 45.5 ของจีดีพี อยู่ในกรอบบริหารจัดการได้ เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ ทั้งระบบบริหารจัดการน้ำ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ สำหรับด้านคมนาคมประมาณ 80,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับโครงการใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและโครงการเริ่มต้นลงทุนปี 2560 จะมีเงินภาครัฐออกสู่ระบบประมาณ 220,000 ล้านบาท นับเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจปี 2560 เพราะจะมีหลายโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ไปแล้วจะเร่งทำการลงทุนได้ เช่น รถไฟทางคู่ มาบกระเบา-จิระ เส้นหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สีเหลือง สีส้ม
สำหรับหนี้สาธารณะในส่วนการจำนำข้าวเปลือกออกพันธบัตรโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในช่วงปี 2552, 2553 วงเงิน 590,000 ล้านบาท ขณะนี้มีเงินรายได้เข้ามาจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์และ ธ.ก.ส. จึงทำให้ยอดภาระหนี้ลดเหลือ 420,000 ล้านบาท และปี 2560 รัฐบาลตั้งงบประมาณชดเชยเงินต้น 23,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย