คลัง 21 เม.ย. – สบน.ระบุรัฐบาลกู้เงินขยายเพดานหนี้สาธารณะเกินร้อยละ 70 ต้องออกกฎหมายใหม่ “ยืนยันฐานะการคลังแน่นปึ้ก” เผยต่างชาติแห่ลงทุนอาเซียน หลังดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี พุ่ง
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กรณีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดกู้เงินมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ทำให้ต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะของประเทศเกินร้อยละ 70 นั้น ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลมีแผนกู้เงินเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อออกกฎหมายเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 172 นำเงินมาใช้บรรเทาภัยพิบัติ เหตุฉุกเฉิน หรือความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยต้องนำเงินกู้มาใช้พัฒนาในโครงการดังกล่าวโดยตรง เหมือนกับช่วงมีปัญหาโควิด-19 โดยไม่สามารถกู้เงินนำมากองวางเอาไว้ก่อนได้
ปัจจุบันหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ร้อยละ 64-65 ของจีดีพี ยอดหนี้สาธารณะกว่า 12 ล้านล้านบาท จากนั้นในปี 69 คาดว่าอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 67.3 ภายใต้สมติฐานจีดีพีไทยโตร้อยละ 3 ถึงแม้ว่าไทยเจอปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว จากเศรษฐกิจโลกผันผวน จีดีพีเติบโตเหลือร้อยละ 2 มองว่า หนี้สาธารณะของไทยยังไม่เกินร้อยละ 68 การกู้เงินของรัฐบาลยังเป็นไปตามแผนเดิม เพื่อชดเชยการขาดดุลทางการคลังในปี 68 วงเงิน 865,700 ล้านบาท ทำให้เพดานหนี้สาธารณะยังไม่เกินร้อยละ 70 โดยขณะนี้ฐานะทางการคลังของรัฐบาลยังมั่นคงแข็งแรง ไม่มีสัญญาณอะไรเข้ามากระทบ สบน.ยังกู้เงินตามแผนได้ตามปกติ
นายพชร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว จนกระทบให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของสหรัฐ พุ่งขึ้นเป็นร้อยละ 4.45 ทำให้ต้นทุนการกู้เงินของสหรัฐพุ่งสูงขึ้น หลังมีปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ จากปัญหาดังกล่าวทำให้นักลงทุนต่างชาติหันมาลงทุนในแถบอาเซียนมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มลดลง ดัชนีหุ้นไทยยังไม่สูงมากนัก จึงหันมาลงทุนตลาดพันธบัตร เห็นได้จากกากรประมูลพันธบัตรรัฐบาล ประมูลตั๋ว P/N แต่ละครั้งในการกู้เงินจากตลาดเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ ได้มีธนาคารเข้ามาประมูลจำนวนมากและมีความถี่สูงมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดเห็นว่า พันธบัตรรัฐบาลไม่มีความเสี่ยง ในอีกหน้าหนึ่ง ทำให้ธนาคารปล่อยกู้ออกสู่ระบบน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจภาพรวม. -515 -สำนักข่าวไทย