รัฐสภา 16 ก. ค.- ฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนหาแนวทางแก้ปัญหาโควิด-19 “หมอชลน่าน” บอกนายกฯ แค่ขอโทษไม่พอ แนะครม.สัญจรที่ จ.ระยอง เรียกความเชื่อมั่น ส.ส.ระยอง พลังประชารัฐ เตือนส.ส.หยุดเล่นการเมือง ระบุนายกฯ ลงพื้นที่ได้รับรู้ข้อบกพร่อง และนำมาปรับปรุงแก้ไข ด้าน รมช.สาธารณสุข แจงเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับมา ด้วยระบบสาธารณสุขและข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่แล้ว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการ และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กรณีที่ ศบค.ได้อนุญาตให้สิทธิพิเศษกับทหารอียิปต์ เข้ามาในประเทศไทย จนทำให้เกิดปัญหาที่จ.ระยอง จึงอยากให้สภาฯ ร่วมกันหาทางแก้ปัญหาเพื่อส่งให้รัฐบาล และศบค. เพื่อนำไปพิจารณาให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะ สิ่งที่วิจารณ์กันมากที่สุด และขณะที่ทุกกระแสมุ่งไปที่กลัวการระบาดรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในจ.ระยอง และกรุงเทพฯ
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประะธานวิปรัฐบาล อภิปรายว่า การเสนอญัตติดังกล่าวนั้นทางฝ่ายรัฐบาลไม่ขัดข้อง เพราะจะนำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป
นายชวน ได้แจ้งว่า นอกจากญัตติด้วยวาจาแล้ว ยังมีการเสนอเป็นญัตติที่เป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องเดียวกัน อีกสองญัตติ จึงจะนำมาพิจารณาร่วมกันเลย
จากนั้น นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า สิ่งที่ทำใหตื่นตระหนกทั้งจากทหารอียิปต์ ที่ จ.ระยอง และลูกอุปทูตซูดาน ในกรุงเทพฯ การมีข้อยกเว้นเหนือสิทธิพิเศษให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น ตนก็เห็นด้วยอยากให้เข้ามา แต่ไม่ควรได้รับข้อยกเว้น มาตรฐานการเฝ้าระวังการควบคุมโรคโควิด-19 ของสาธารณสุขไทย เรื่องนี้ต้องโทษ ผู้อำนวยการ ศบค.
“นายกฯอุตส่าห์เดินทางไปจ.ระยอง แม้คนระยองจะยกป้ายวิพากษ์วิจารณ์แต่นายกฯ ก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนแสดงออกมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนายกฯ กลับไปพูดและโทษว่าสื่อ ว่ารายงานจนทำให้คนระยองตื่นตระหนก จนทำให้เกิดการปิดโรงเรียน ปิดโรงแรม ยกเลิกการจองที่พัก หรือกระทบการทำมาหากินในจ.ระยอง แต่เรื่องนี้คือเหตุที่สะสมมาจาการบริหารงานของ ศบค. โดยมีนายกฯ เป็นผอ.ศูนย์ฯ ที่เลือกใช้ความกลัวมาบริหาร ใส่ความกลัวตลอดและบอกซ้ำ ๆ ว่า ถ้ามีระบาดรอบสองจะหนักกว่าเดิม บอกให้ประชาชนการ์ดอย่าตก ประชาชนก็อดทนทุกทางเพื่อตัวเอง เพราะ ศบค.และหน่วยงานรัฐช่วยเขาไม่ได้ ดังนั้นต้องเลิกใช้ความกลัวมาเป็นฐานการปกครองได้แล้ว ทำไมจึงไม่เลือกใส่ความรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนในการป้องกันตนเอง หรือกลัวว่าทำแล้วจะควบคุมประชาชนไม่ได้”นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไขเรื่องแรกคือ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับโรคเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตระหนก การที่นายกฯ ลงพื้นที่ไปจ.ระยอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส้รางความเชื่อมั่น ตนก็ต้องขอขอบคุณ แต่มันไม่พอ เพราะเวลานายกฯแถลงข่าวกลับไปลดความเชื่อมั่นที่จะเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการขอโทษ แต่การขอโทษของนายกฯเหมือนกับขอไปที เพราะคำขอโทษที่ดีที่สุดคือการหามาตรการว่าจะทำอย่างไร ตนจึงขอเสนอแนะให้จัดครม.สัญจร ไปประชุมที่ จ.ระยอง และไปที่โรงแรมดีวารี ยกคณะไปสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
จากนั้นนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอญัตติด้วยลายลักษณ์อักษร อภิปรายว่า จ.ระยองมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์มา 100 กว่าวันแล้ว นี่คือความเข้มแข็ง ความอดทนของคนระยอง ที่ เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) นายกฯ ไปที่จ.ระยอง ต้องขอขอบคุณนายกฯ อย่างยิ่ง เพราะการไปครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว และนายกฯ คงได้รับรู้ข้อบกพร่องและสิ่งที่ต้องนำมาแก้ไขต่อไป วันนี้เรื่องความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พี่น้องชาวระยองอยากขอร้องสมาชิกสภาฯ ทุกท่านว่า หยุดเล่นการเมืองเสียทีเถอะ สงสารชาวระยองบ้าง สิ่งใดที่ร่วมกันแก้ไขได้ก็ขอให้ช่วยชาวระยองหน่อย สื่อต่าง ๆ รวมถึงโซเชียลมีเดียนั้น ในนามของชาวระยอง ขอร้องว่าอย่าทำให้พวกตนบอบช้ำและเจ็บช้ำไปกว่านี้เลย คิดกันแต่เรื่องสร้างสรรค์ออกสื่อ ขอให้มาช่วยกันฟื้นฟูจ.ระยองให้ฟื้นตัวโดยเร็ว
“ที่มีข่าวว่ามีคนระยองไปร้องเรียนนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นคนระยองจริงหรือไม่ และรักระยองจริงหรือเปล่า แต่ผมในฐานะคนระยอง อยากขอร้องพวกท่านว่าหยุดสักพักเถอะ ให้พวกผมได้หายใจ ได้มีโอกาสฟื้นฟูบ้าง ที่ผ่านมาท่านให้ปิด เราก็ปิด ไม่มีกิน เราก็อดทน และไม่ร้องด้วย หวังว่าการเสนอญัตติครั้งนี้จะได้รับข้อเสนอแนะที่ดีจากสภาฯ เพื่อนำไปให้รัฐบาลแก้ไขต่อไป” นายสมพงษ์กล่าว
จากนั้นเป็นการอภิปรายของส.ส.โดยฝ่ายค้านตำหนิการทำงานของรัฐบาล อาทินายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า จะมีสิ่งไหนสำคัญกว่าชีวิตของประชาชน ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาประชาชนใช้ความอดทนมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา แต่กลับต้องมาเจอกับโควิดวีไอพี โดยเฉพาะภาคแรงงานได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขอคำชี้แจงอย่างชัดเจน เหตุผล และความจำเป็น สำหรับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยกเว้น เพราะข้อเท็จจริงนั้นโรคระบาดไม่เลือกปฏิบัติกับกลุ่มบุคคล ผู้บริหารประเทศต้องมีจิตสำนึกเรื่องความรับผิดชอบ
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ประเทศไทยมีรายได้หลักส่วนใหญ่จากการท่องเที่ยวปีละประมาณ 4 ล้านล้านบาท แต่ปีนี้เหลือ 0 % คาดหวังว่าจะกลับมาโดยเร็ว เข้าใจว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก แต่หวังว่าจะไม่นาน เหมือนที่ท่านเคยสัญญา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นายกฯเห็นปัญหานี้เป็นอย่างไร การท่องเที่ยวมันเงียบเหงาเกินไปหรือไม่ ก็เลยจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เป็นมินิซีรีย์ทัวร์หรือทัวร์การทหาร จัดผบ.ทบ.ของสหรัฐฯ เข้ามาก่อนไม่เป็นไร เพราะกระตุ้นการท่องเที่ยว ต่อด้วยคณะบินของ อียิปต์ ซึ่งกลายเป็นข่าวโด่งดัง ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอา ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่แย่มาก เพราะก่อนหน้านี้ตนมีโอกาสไปยังภาคตะวันออก ทั้งทำงานและพักผ่อนด้วย คนกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เริ่มกลับมามีความมั่นใจในท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนปฏิบัติตามและเชื่อฟังรัฐบาลเพื่อตัวเองและประเทศ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดนรัฐบาลหักหลังการ์ดตกเสียเอง
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ข้อมูลที่ได้รับจากที่สมาชิกสิ่งเหล่านี้ในนามของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในแง่การสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ผลกระทบในพื้นที่จนขยายวงกว้างไปยังความรู้สึกความมั่นใจในการเดินทางที่ผ่านจ.ระยอง ซึ่งตนจะรับข้อเสนอที่เกิดประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นให้เราก้าวข้ามสิ่งที่เกิดขึ้น และปัญหาที่เราพบในแง่การสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดข้อบกพร่อง แม้ประเทศไทยจะปลอดเชื้อมาแล้ว เป็นศูนย์มากกว่า 50 วัน แต่เราก็ต้องอยู่คู่กับโควิด เนื่องจากมีคนติดเชื้อทั่วโลกมีถึง 10 ล้านคน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เราต้องเตรียมระบบให้มีความพร้อม สิ่งที่เกิดขึ้นในจ.ระยองวันนี้ เราต้องตอบคำถามได้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่อื่น ไทยจะต้องมีระบบควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อในการจำกัดวงสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และต้องป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง ซึ่งเป็นการมองไปข้างหน้าโดยใช้วิกฤตเป็นโอกาส จนกว่าจะมีวัคฉีน ภายใต้สถานการณ์นี้ประเทศไทยเป็นเหมือนไข่แดง ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยสถานการณ์ประเทศต่าง ๆ ที่ติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่แนวทางที่เราเดินทางถึงตรงนี้ตนถือว่าเดินมาถูกทางแล้วเหลือเพียงการพิสูจน์ว่าเราจะอยู่ร่วมกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ภายใต้การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร หรือการจะให้คนไทยออกมาเที่ยวทั่วไทยเพื่อเป็นการกระตุ้นเเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องมีการป้องกันการแพร่ระบาดให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในข้อมูของกระทรววงสารณสุข ว่าเราจะไม่ปกปิดข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส
“เมื่อมีข้อผิดพลาดเราเสียใจ นายกฯขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ขอโทษคนระยอง เพื่อนส.ส.รวมทั้งพี่น้องประชาชนคนไทย แต่เราหยุดอยู่กับความเสียใจไม่ได้ เมื่อเรามีความเสียใจก็ต้องเดินหน้าทำงานทันที โดยกระดุมเม็ดแรกที่ต้องทำคือการสร้างความเชื่อมั่นกลับมา ด้วยระบบสาธารณสุขและข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ผมเป็นคนแรกที่เปิดเผยสถานที่ เนื่องจากมั่นใจในระบบการตรวสอบภาคประชาชนว่า ถ้าเราให้ข้อมูลครบถ้วน เขาจะสามารถเป็นนักวิชาการสาธารณสุขช่วยป้องกันการแพร่ระบาดและป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิดได้” นายสาธิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย