สภาพิจารณาญัตติด่วนหาแนวทางแก้โควิด-19

รัฐสภา 16 ก. ค.- ฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนหาแนวทางแก้ปัญหาโควิด-19 “หมอชลน่าน”  บอกนายกฯ แค่ขอโทษไม่พอ แนะครม.สัญจรที่ จ.ระยอง เรียกความเชื่อมั่น ส.ส.ระยอง พลังประชารัฐ เตือนส.ส.หยุดเล่นการเมือง ระบุนายกฯ ลงพื้นที่ได้รับรู้ข้อบกพร่อง และนำมาปรับปรุงแก้ไข ด้าน รมช.สาธารณสุข แจงเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับมา ด้วยระบบสาธารณสุขและข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่แล้ว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการ และหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กรณีที่ ศบค.ได้อนุญาตให้สิทธิพิเศษกับทหารอียิปต์ เข้ามาในประเทศไทย จนทำให้เกิดปัญหาที่จ.ระยอง จึงอยากให้สภาฯ ร่วมกันหาทางแก้ปัญหาเพื่อส่งให้รัฐบาล และศบค. เพื่อนำไปพิจารณาให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะ สิ่งที่วิจารณ์กันมากที่สุด และขณะที่ทุกกระแสมุ่งไปที่กลัวการระบาดรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในจ.ระยอง และกรุงเทพฯ 

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประะธานวิปรัฐบาล อภิปรายว่า การเสนอญัตติดังกล่าวนั้นทางฝ่ายรัฐบาลไม่ขัดข้อง เพราะจะนำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไป


นายชวน ได้แจ้งว่า นอกจากญัตติด้วยวาจาแล้ว ยังมีการเสนอเป็นญัตติที่เป็นลายลักษณ์อักษรในเรื่องเดียวกัน อีกสองญัตติ จึงจะนำมาพิจารณาร่วมกันเลย

จากนั้น นพ.ชลน่าน อภิปรายว่า สิ่งที่ทำใหตื่นตระหนกทั้งจากทหารอียิปต์ ที่ จ.ระยอง และลูกอุปทูตซูดาน ในกรุงเทพฯ การมีข้อยกเว้นเหนือสิทธิพิเศษให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น ตนก็เห็นด้วยอยากให้เข้ามา แต่ไม่ควรได้รับข้อยกเว้น มาตรฐานการเฝ้าระวังการควบคุมโรคโควิด-19 ของสาธารณสุขไทย เรื่องนี้ต้องโทษ ผู้อำนวยการ ศบค.

“นายกฯอุตส่าห์เดินทางไปจ.ระยอง แม้คนระยองจะยกป้ายวิพากษ์วิจารณ์แต่นายกฯ ก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนแสดงออกมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนายกฯ กลับไปพูดและโทษว่าสื่อ ว่ารายงานจนทำให้คนระยองตื่นตระหนก จนทำให้เกิดการปิดโรงเรียน ปิดโรงแรม ยกเลิกการจองที่พัก หรือกระทบการทำมาหากินในจ.ระยอง แต่เรื่องนี้คือเหตุที่สะสมมาจาการบริหารงานของ ศบค. โดยมีนายกฯ เป็นผอ.ศูนย์ฯ ที่เลือกใช้ความกลัวมาบริหาร ใส่ความกลัวตลอดและบอกซ้ำ ๆ ว่า ถ้ามีระบาดรอบสองจะหนักกว่าเดิม บอกให้ประชาชนการ์ดอย่าตก ประชาชนก็อดทนทุกทางเพื่อตัวเอง เพราะ ศบค.และหน่วยงานรัฐช่วยเขาไม่ได้ ดังนั้นต้องเลิกใช้ความกลัวมาเป็นฐานการปกครองได้แล้ว ทำไมจึงไม่เลือกใส่ความรู้ ความเข้าใจให้ประชาชนในการป้องกันตนเอง หรือกลัวว่าทำแล้วจะควบคุมประชาชนไม่ได้”นพ.ชลน่าน กล่าว 


นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไขเรื่องแรกคือ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับโรคเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตระหนก การที่นายกฯ ลงพื้นที่ไปจ.ระยอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส้รางความเชื่อมั่น ตนก็ต้องขอขอบคุณ แต่มันไม่พอ เพราะเวลานายกฯแถลงข่าวกลับไปลดความเชื่อมั่นที่จะเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการขอโทษ แต่การขอโทษของนายกฯเหมือนกับขอไปที เพราะคำขอโทษที่ดีที่สุดคือการหามาตรการว่าจะทำอย่างไร ตนจึงขอเสนอแนะให้จัดครม.สัญจร ไปประชุมที่ จ.ระยอง และไปที่โรงแรมดีวารี  ยกคณะไปสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

จากนั้นนายสมพงษ์ โสภณ  ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอญัตติด้วยลายลักษณ์อักษร อภิปรายว่า จ.ระยองมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์มา 100 กว่าวันแล้ว นี่คือความเข้มแข็ง ความอดทนของคนระยอง ที่ เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) นายกฯ ไปที่จ.ระยอง ต้องขอขอบคุณนายกฯ อย่างยิ่ง เพราะการไปครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว และนายกฯ คงได้รับรู้ข้อบกพร่องและสิ่งที่ต้องนำมาแก้ไขต่อไป วันนี้เรื่องความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พี่น้องชาวระยองอยากขอร้องสมาชิกสภาฯ ทุกท่านว่า หยุดเล่นการเมืองเสียทีเถอะ สงสารชาวระยองบ้าง สิ่งใดที่ร่วมกันแก้ไขได้ก็ขอให้ช่วยชาวระยองหน่อย สื่อต่าง ๆ รวมถึงโซเชียลมีเดียนั้น ในนามของชาวระยอง ขอร้องว่าอย่าทำให้พวกตนบอบช้ำและเจ็บช้ำไปกว่านี้เลย คิดกันแต่เรื่องสร้างสรรค์ออกสื่อ ขอให้มาช่วยกันฟื้นฟูจ.ระยองให้ฟื้นตัวโดยเร็ว 

“ที่มีข่าวว่ามีคนระยองไปร้องเรียนนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นคนระยองจริงหรือไม่ และรักระยองจริงหรือเปล่า แต่ผมในฐานะคนระยอง อยากขอร้องพวกท่านว่าหยุดสักพักเถอะ ให้พวกผมได้หายใจ ได้มีโอกาสฟื้นฟูบ้าง ที่ผ่านมาท่านให้ปิด เราก็ปิด ไม่มีกิน เราก็อดทน และไม่ร้องด้วย หวังว่าการเสนอญัตติครั้งนี้จะได้รับข้อเสนอแนะที่ดีจากสภาฯ เพื่อนำไปให้รัฐบาลแก้ไขต่อไป”  นายสมพงษ์กล่าว

จากนั้นเป็นการอภิปรายของส.ส.โดยฝ่ายค้านตำหนิการทำงานของรัฐบาล อาทินายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า จะมีสิ่งไหนสำคัญกว่าชีวิตของประชาชน ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาประชาชนใช้ความอดทนมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา แต่กลับต้องมาเจอกับโควิดวีไอพี โดยเฉพาะภาคแรงงานได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขอคำชี้แจงอย่างชัดเจน เหตุผล และความจำเป็น สำหรับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยกเว้น เพราะข้อเท็จจริงนั้นโรคระบาดไม่เลือกปฏิบัติกับกลุ่มบุคคล ผู้บริหารประเทศต้องมีจิตสำนึกเรื่องความรับผิดชอบ 

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ประเทศไทยมีรายได้หลักส่วนใหญ่จากการท่องเที่ยวปีละประมาณ 4 ล้านล้านบาท แต่ปีนี้เหลือ 0 % คาดหวังว่าจะกลับมาโดยเร็ว เข้าใจว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก แต่หวังว่าจะไม่นาน เหมือนที่ท่านเคยสัญญา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นายกฯเห็นปัญหานี้เป็นอย่างไร การท่องเที่ยวมันเงียบเหงาเกินไปหรือไม่  ก็เลยจัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เป็นมินิซีรีย์ทัวร์หรือทัวร์การทหาร จัดผบ.ทบ.ของสหรัฐฯ เข้ามาก่อนไม่เป็นไร เพราะกระตุ้นการท่องเที่ยว ต่อด้วยคณะบินของ อียิปต์ ซึ่งกลายเป็นข่าวโด่งดัง ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอา ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่แย่มาก เพราะก่อนหน้านี้ตนมีโอกาสไปยังภาคตะวันออก ทั้งทำงานและพักผ่อนด้วย คนกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เริ่มกลับมามีความมั่นใจในท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนปฏิบัติตามและเชื่อฟังรัฐบาลเพื่อตัวเองและประเทศ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดนรัฐบาลหักหลังการ์ดตกเสียเอง

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า ข้อมูลที่ได้รับจากที่สมาชิกสิ่งเหล่านี้ในนามของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในแง่การสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ผลกระทบในพื้นที่จนขยายวงกว้างไปยังความรู้สึกความมั่นใจในการเดินทางที่ผ่านจ.ระยอง  ซึ่งตนจะรับข้อเสนอที่เกิดประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นให้เราก้าวข้ามสิ่งที่เกิดขึ้น และปัญหาที่เราพบในแง่การสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดข้อบกพร่อง แม้ประเทศไทยจะปลอดเชื้อมาแล้ว เป็นศูนย์มากกว่า 50 วัน แต่เราก็ต้องอยู่คู่กับโควิด เนื่องจากมีคนติดเชื้อทั่วโลกมีถึง 10 ล้านคน 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เราต้องเตรียมระบบให้มีความพร้อม สิ่งที่เกิดขึ้นในจ.ระยองวันนี้ เราต้องตอบคำถามได้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่อื่น ไทยจะต้องมีระบบควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อในการจำกัดวงสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และต้องป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง ซึ่งเป็นการมองไปข้างหน้าโดยใช้วิกฤตเป็นโอกาส จนกว่าจะมีวัคฉีน ภายใต้สถานการณ์นี้ประเทศไทยเป็นเหมือนไข่แดง ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยสถานการณ์ประเทศต่าง ๆ ที่ติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่แนวทางที่เราเดินทางถึงตรงนี้ตนถือว่าเดินมาถูกทางแล้วเหลือเพียงการพิสูจน์ว่าเราจะอยู่ร่วมกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ภายใต้การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร หรือการจะให้คนไทยออกมาเที่ยวทั่วไทยเพื่อเป็นการกระตุ้นเเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องมีการป้องกันการแพร่ระบาดให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในข้อมูของกระทรววงสารณสุข ว่าเราจะไม่ปกปิดข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส

“เมื่อมีข้อผิดพลาดเราเสียใจ นายกฯขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ขอโทษคนระยอง เพื่อนส.ส.รวมทั้งพี่น้องประชาชนคนไทย แต่เราหยุดอยู่กับความเสียใจไม่ได้ เมื่อเรามีความเสียใจก็ต้องเดินหน้าทำงานทันที โดยกระดุมเม็ดแรกที่ต้องทำคือการสร้างความเชื่อมั่นกลับมา ด้วยระบบสาธารณสุขและข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ผมเป็นคนแรกที่เปิดเผยสถานที่ เนื่องจากมั่นใจในระบบการตรวสอบภาคประชาชนว่า  ถ้าเราให้ข้อมูลครบถ้วน เขาจะสามารถเป็นนักวิชาการสาธารณสุขช่วยป้องกันการแพร่ระบาดและป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิดได้” นายสาธิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย