ทำเนียบฯ 14 ก.ค.- นายกฯ เสียใจและขอโทษคนไทยเหตุทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.ระยอง สั่งทบทวนมาตรการทั้งหมด เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น สั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่จะเข้าไทย แต่ยังไม่ถึงขั้นล็อคดาวน์ห้ามต่างประเทศเดินทางเข้าไทย ชี้ เหตุเกิดเพราะไม่เคารพกติกา ให้ กต.หารือกับสถานเอกอัครราชทูต อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจและขอโทษประชาชนทุกคน ต่อสถานการณ์ที่ จ.ระยอง กรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 และในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ วันนี้ ได้ส่งทีมลงไปติดตามข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ที่เกิดเหตุแล้ว รวมถึงตรวจสอบผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว และตรวจสอบการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะ เพื่อให้ทุกคนเกิดความสบายใจ
“เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคารพกติกา ไม่มีวินัย และไม่คิดถึงส่วนรวม ส่งผลให้เกิดปัญหา และโทษกันไปมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ศบค.ไปทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างๆ เพื่อปิดช่องโหว่ที่เป็นปัญหา ทั้งสถานทูตต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. รวมถึงการอนุญาตการบินเข้าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทหาร หรือเครื่องบินอื่นๆ
“วันนี้ถือว่าเป็นเรื่องของความไม่รับผิดชอบ ในสิ่งที่รับปากกันไว้แล้ว ผ่านการตรวจสอบไปแล้วด้วย แต่ยังออกไปนอกพื้นที่ ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน ผมให้กระทรวงการต่างประเทศหารือกับเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องบินที่มารอเปลี่ยนเครื่อง เพื่อเดินทางต่อ แต่กลับมีการหยุดค้างคืน และมีบริษัทพาไปพักที่โรงแรม ซึ่งตามกติกาต้องพักอยู่ในโรงแรม แต่ควบคุมไม่ได้ดีนัก ซึ่งได้สั่งให้เข้มงวดทุกพื้นที่ และไม่ต้องการให้ประเด็นนี้ทำให้ความก้าวหน้าในการแก้ปัญหากลับมาเป็นปัญหาอีก
“วันนี้ได้สั่งการให้ระงับเที่ยวบินที่จะเข้ามาในขณะนี้ทั้งหมด ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในขณะนี้ จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขว่าจะสามารถรองรับได้ และได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรี และ ศบค.ไปแก้ไขปัญหาและทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับด้านอื่นๆ ทั้งความเชื่อมั่น ความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม ซึ่งรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด และขอเวลาให้ ศบค.เข้าไปแก้ปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังคงไม่ถึงขั้นล็อคดาวน์ห้ามต่างประเทศเดินทางเข้ามา แต่ต้องพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งเรื่องนี้หากทุกคนไม่รักษากติกา ก็จะเกิดปัญหามาอีก เพราะยังมีคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับ รวมถึง มีนักการทูตและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางเข้ามาอีก โดยการให้ชะลอหรือระงับเที่ยวบินในช่วงนี้ จะเป็นเพียงชั่วคราว เพื่อทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น และหามาตรการป้องกันควบคุมให้รัดกุมเข้มงวดมากกว่าเดิม และยังไม่ถึงขั้นแบล็คลิสต์คนอียิปต์กลุ่มดังกล่าวที่ฝ่าฝืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่า ขณะนี้การ์ดตกในหลายส่วน ทั้งส่วนของประชาชนและสถานประกอบการ จึงได้สั่งการเน้นย้ำให้ตรวจตราสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน หากมีการฝ่าฝืนและไม่แก้ไข ก็ให้สั่งปิดทันที พร้อมเน้นย้ำการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และการใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ซึ่งผลจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำมา สามารถรักษาความปลอดภัย และรักษามาตรการทางสาธารณสุขได้เป็นอันดับแรกๆของโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินการวัคซีน มีความคืบหน้าตามลำดับ และเตรียมทดลองในมนุษย์ อยู่ระหว่างเตรียมการและหาอาสาสมัครหลายพันคน ถ้าสามารถผลิตวัคซีนได้เป็นประเทศแรกๆ ก็จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และสิ่งสำคัญคือคนในประเทศจะปลอดภัยจากโรคนี้ จึงต้องขอบคุณคณะแพทย์ที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเปิดรับนักท่องเที่ยว ว่า ได้สั่งการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมการไว้ก่อน แต่การที่จะอนุมัติหรือไม่ ต้องดูจากสถานการณ์ทั้งภายในและภานนอกประเทศ ยืนยันจะไม่ผลีผลาม หากคนจำนวนมากเข้ามา และไม่รักษากติกา ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นอีก ยืนยันยังไม่ผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวเข้ามา
ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อชดเชยในช่วงที่ต่างชาติยังเข้ามาไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปแล้วก่อนหน้านี้ จะต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองรอง ควบคู่กับเมืองหลักด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับประเมินความพร้อมของแต่ละจังหวัด ขณะนี้ขอให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวไว้ เมื่อมีการเปิดให้ดำเนินการ ก็จะสามารถทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิด ศบค.ทั้งคณะ ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ กรณีเหตุการณ์ทหารอียิปต์ ว่า เป็นเรื่องฟ้องร้องไปตามกระบวนยุติธรรม แต่ขอให้เป็นธรรม การฟ้องอะไรต่างๆ ต้องดูครบทุกมิติด้วย
ส่วนการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่ขอพูดว่าจากเหตุที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน พร้อมเน้นย้ำขอให้เข้มงวดตรวจตราแนวชายแดน เพราะไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุด ใครๆ ก็ต้องการเดินทางเข้ามา แต่ต้องเข้ามาอย่างถูกต้องตามช่องทาง เพราะถ้าจะจับตาเพียงอย่างเดียวว่า รัฐบาลบกพร่องตรงนั้น ตรงนี้ แต่เราไม่สร้างการรับรู้ว่า ประชาชนจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็จะตกเป็นจำเลยตลอด ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่โทษใคร ทุกคนก็ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ .- สำนักข่าวไทย