นายกฯ ขอโทษคนไทยกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่ ระยอง

ทำเนียบฯ  14 ก.ค.- นายกฯ เสียใจและขอโทษคนไทยเหตุทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.ระยอง สั่งทบทวนมาตรการทั้งหมด เพื่ออุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น  สั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่จะเข้าไทย แต่ยังไม่ถึงขั้นล็อคดาวน์ห้ามต่างประเทศเดินทางเข้าไทย  ชี้ เหตุเกิดเพราะไม่เคารพกติกา ให้ กต.หารือกับสถานเอกอัครราชทูต อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจและขอโทษประชาชนทุกคน ต่อสถานการณ์ที่ จ.ระยอง กรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 และในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. ขอรับผิดชอบเรื่องนี้  วันนี้ ได้ส่งทีมลงไปติดตามข้อมูลเชิงลึกในพื้นที่ที่เกิดเหตุแล้ว รวมถึงตรวจสอบผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว และตรวจสอบการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะ เพื่อให้ทุกคนเกิดความสบายใจ

“เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด  ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคารพกติกา ไม่มีวินัย และไม่คิดถึงส่วนรวม ส่งผลให้เกิดปัญหา และโทษกันไปมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ศบค.ไปทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างๆ เพื่อปิดช่องโหว่ที่เป็นปัญหา ทั้งสถานทูตต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. รวมถึงการอนุญาตการบินเข้าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทหาร หรือเครื่องบินอื่นๆ

“วันนี้ถือว่าเป็นเรื่องของความไม่รับผิดชอบ ในสิ่งที่รับปากกันไว้แล้ว  ผ่านการตรวจสอบไปแล้วด้วย แต่ยังออกไปนอกพื้นที่ ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน ผมให้กระทรวงการต่างประเทศหารือกับเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยว่า อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องบินที่มารอเปลี่ยนเครื่อง เพื่อเดินทางต่อ แต่กลับมีการหยุดค้างคืน และมีบริษัทพาไปพักที่โรงแรม ซึ่งตามกติกาต้องพักอยู่ในโรงแรม แต่ควบคุมไม่ได้ดีนัก ซึ่งได้สั่งให้เข้มงวดทุกพื้นที่ และไม่ต้องการให้ประเด็นนี้ทำให้ความก้าวหน้าในการแก้ปัญหากลับมาเป็นปัญหาอีก 


“วันนี้ได้สั่งการให้ระงับเที่ยวบินที่จะเข้ามาในขณะนี้ทั้งหมด ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในขณะนี้ จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขว่าจะสามารถรองรับได้ และได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรี และ ศบค.ไปแก้ไขปัญหาและทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับด้านอื่นๆ ทั้งความเชื่อมั่น ความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม ซึ่งรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด  และขอเวลาให้ ศบค.เข้าไปแก้ปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังคงไม่ถึงขั้นล็อคดาวน์ห้ามต่างประเทศเดินทางเข้ามา  แต่ต้องพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งเรื่องนี้หากทุกคนไม่รักษากติกา ก็จะเกิดปัญหามาอีก เพราะยังมีคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับ รวมถึง มีนักการทูตและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางเข้ามาอีก โดยการให้ชะลอหรือระงับเที่ยวบินในช่วงนี้ จะเป็นเพียงชั่วคราว เพื่อทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น และหามาตรการป้องกันควบคุมให้รัดกุมเข้มงวดมากกว่าเดิม และยังไม่ถึงขั้นแบล็คลิสต์คนอียิปต์กลุ่มดังกล่าวที่ฝ่าฝืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่า ขณะนี้การ์ดตกในหลายส่วน ทั้งส่วนของประชาชนและสถานประกอบการ จึงได้สั่งการเน้นย้ำให้ตรวจตราสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน  หากมีการฝ่าฝืนและไม่แก้ไข ก็ให้สั่งปิดทันที พร้อมเน้นย้ำการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และการใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ซึ่งผลจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำมา สามารถรักษาความปลอดภัย และรักษามาตรการทางสาธารณสุขได้เป็นอันดับแรกๆของโลก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การดำเนินการวัคซีน มีความคืบหน้าตามลำดับ และเตรียมทดลองในมนุษย์  อยู่ระหว่างเตรียมการและหาอาสาสมัครหลายพันคน ถ้าสามารถผลิตวัคซีนได้เป็นประเทศแรกๆ ก็จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และสิ่งสำคัญคือคนในประเทศจะปลอดภัยจากโรคนี้ จึงต้องขอบคุณคณะแพทย์ที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเปิดรับนักท่องเที่ยว ว่า ได้สั่งการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมการไว้ก่อน แต่การที่จะอนุมัติหรือไม่ ต้องดูจากสถานการณ์ทั้งภายในและภานนอกประเทศ  ยืนยันจะไม่ผลีผลาม หากคนจำนวนมากเข้ามา และไม่รักษากติกา ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นอีก  ยืนยันยังไม่ผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวเข้ามา

ส่วนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อชดเชยในช่วงที่ต่างชาติยังเข้ามาไม่ได้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปแล้วก่อนหน้านี้   จะต้องส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวในเมืองรอง ควบคู่กับเมืองหลักด้วย  แต่ต้องขึ้นอยู่กับประเมินความพร้อมของแต่ละจังหวัด  ขณะนี้ขอให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวไว้ เมื่อมีการเปิดให้ดำเนินการ ก็จะสามารถทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิด ศบค.ทั้งคณะ ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ กรณีเหตุการณ์ทหารอียิปต์ ว่า เป็นเรื่องฟ้องร้องไปตามกระบวนยุติธรรม แต่ขอให้เป็นธรรม  การฟ้องอะไรต่างๆ ต้องดูครบทุกมิติด้วย 

ส่วนการต่ออายุการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่ขอพูดว่าจากเหตุที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน พร้อมเน้นย้ำขอให้เข้มงวดตรวจตราแนวชายแดน เพราะไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุด ใครๆ ก็ต้องการเดินทางเข้ามา แต่ต้องเข้ามาอย่างถูกต้องตามช่องทาง  เพราะถ้าจะจับตาเพียงอย่างเดียวว่า รัฐบาลบกพร่องตรงนั้น ตรงนี้ แต่เราไม่สร้างการรับรู้ว่า ประชาชนจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็จะตกเป็นจำเลยตลอด ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่โทษใคร ทุกคนก็ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่  .- สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย