สมุทรสาคร 11 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนเสาไฟฟ้าบริเวณหน้าร้านโชคอนันต์การช่าง กม.ที่ 14+400 ริมถนนเศรษฐกิจ 1 ฝั่งขาเข้า อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างต่อเนื่องยาวเป็นระยะทางเกือบ 10 กม.
ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนเสาไฟฟ้าบริเวณหน้าร้านโชคอนันต์การช่าง กม.ที่ 14+400 ริมถนนเศรษฐกิจ 1 ฝั่งขาเข้าอำเภอกระทุ่มแบน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย พบรถยนต์กระบะ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ถก 5446 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถชนเข้าไปอัดก๊อบปี้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง จนพังยับกลายเป็นเศษเหล็ก ด้านหลังซึ่งต่อโครงหลังคาสำหรับขนสินค้ามีกล่องกระดาษเต็มคัน ภายในรถมีคนขับ 1 คน ทราบชื่อคือนายสมโภชน กิจเจริญ อายุ 39 ปี ได้รับบาดเจ็บแต่ยังคงรู้สึกตัว ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงได้รีบให้การช่วยเหลือนำออกมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำส่งโรงพยาบาลวิชัยเวชฯสมุทรสาครไปก่อนหน้านี้
ส่วนเสาไฟฟ้าแรงสูงที่มีความสูงถึง 22 เมตรนั้น ถูกชนอย่างแรงจนเอียง อีกทั้งยังเกิดการระเบิดของ “สายส่งสัญญาณแรงสูง” จนเป็นเหตุให้ ฝั่งขาเข้าอำเภอกระทุ่มแบน เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างต่อเนื่องยาวเป็นระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ทั้งสัญญาณไฟจราจรบนถนนเศรษฐกิจ 1 บ้านเรือนประชาชน อาคารพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้า ไม่สามารถใช้ไฟได้ชั่วขณะ
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอกระทุ่มแบน ได้รีบแก้ไขเบื้องต้น ด้วยการปิดระบบส่งไฟในบางช่วงที่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้ามาให้ประชาชนได้ใช้กันตามปกติ ส่วนเสาไฟฟ้าแรงสูงต้นที่ถูกชนนั้น จะต้องทำการเปลี่ยนเสา เนื่องจากแรงระเบิดของสายส่งสัญญาณแรงสูง ทำให้เสาด้านบนเกิดรอยร้าว มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
จากการสอบถามคนงานของเต็นท์รถที่อยู่ติดกันเล่าว่า ขณะที่ตนเองนอนอยู่ในที่พักก็ได้ยินเสียงชนดังสนั่นจนตกใจตื่น แล้วก็รีบออกมาดูปรากฏว่า พบรถยนต์กระบะอยู่ในสภาพดังกล่าว ส่วนคนขับรถอยู่ในอาการสะลึมสะลือ คาดว่าน่าจะหลับในเพราะไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ไม่ใช่แค่รถชนเท่านั้น เพราะช่วงที่กำลังดูอาการผู้บาดเจ็บนั้น สายไฟแรงสูงด้านบนเกิดขาดแล้วระเบิดขึ้น 2 ครั้ง มีไฟลุกสว่างวาบ จนตนเองกับเพื่อนต่างพากันวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำผู้บาดเจ็บ พร้อมกับหาหลักฐานจากบริเวณที่เกิดเหตุเพิ่ม เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจนต่อไป.-สำนักข่าวไทย