ที่ประชุมที่ปรึกษา ศก. ตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19

ทำเนียบฯ 10 ก.ค.-“กอบศักดิ์” เผยที่ประชุมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมหามาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีและกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง ห่วงบัณฑิตจบใหม่ตกงาน คาดกว่า 1 แสนคน เร่งหามาตรการรองรับ ปัดตอบเรื่องการเมือง


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดภายหลังการประชุมทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ว่า เป็นการทำงานในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ และเป็นการหารือทุกภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยข้อเสนอที่น่าสนใจ คือ การตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีรับข้อเสนอและเตรียมพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายว่าจะพิจารณาอย่างไรต่อไปบ้าง พร้อมตั้งทีมรวบรวมข้อมูลเพื่อติดตามปัญหาอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีมาตรการดูแลเอสเอ็มอี ซึ่งกำลังพิจารณาถึงการขยายเวลาการชำระหนี้ ที่จากเดิมจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้ และการเพิ่มสภาพคล่องผ่านกองทุนต่าง ๆ  คาดว่าจะใช้เงินงบประมาณจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท

“นอกจากนี้ยังมีมาตรการดูแลเอสเอ็มอี ซึ่งกำลังพิจารณาถึงการขยายเวลาการชำระหนี้ ที่จากเดิมจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้และการเพิ่มสภาพคล่องผ่านกองทุนต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เบื้องต้นอาจให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกัน ตามมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) เนื่องจากมาตรการเดิมธนาคารแห่งประเทศไทย ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ย ไม่เกิน 2% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี แต่หากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ปล่อยสินเชื่อดังกล่าวต่อ ก็จะให้ บสย.เข้ามาช่วยค้ำประกันในปีถัด ๆ ไป เพื่อให้ธนาคารมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น” นายกอบศักดิ์ กล่าว


นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว มีแนวคิดที่จะหามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา และการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง รวมถึงมาตรการชิม ช็อป ใช้ เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชน ตลอดจนการทำแพลตฟอร์มของโรงแรมภายในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและโรงแรมต่าง ๆ และช่วยให้โรงแรมที่ไม่ถูกกฎหมายให้สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของรัฐได้มากขึ้น

นายกอบศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ข้อเสนอต่าง ๆ จะมีการหารือรายละเอียดกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจต่อไป โดยเรื่องแรกที่คาดว่าจะต้องพิจารณา คือ เรื่องการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการประชุมต่อไปจะเป็นการช่วยเหลือเรื่องการท่องเที่ยว

นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเป็นห่วงบัณฑิตจบใหม่ที่ปีนี้มีถึง 5 แสนคน และคาดว่าจะมีผู้ตกงานหลายแสนคน จึงต้องหามาตรการรองรับและดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี


ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงประเด็นเกี่ยวกับการเมือง หลังการลาออกของกลุ่ม 4 กุมาร นายกอบศักดิ์ ปฏิเสธตอบคำถาม พร้อมยกมือไหว้ผู้สื่อข่าว และขอบคุณที่ไม่ถามเรื่องการเมือง เพราะตนขอไม่ตอบเรื่องนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง