นายกฯ มอบเงินให้เจ้าหน้าที่ สธ. ได้รับผลกระทบโควิด-19

ทำเนียบฯ 29 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี มอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันโควิด-19 กว่า 2.9 ล้านบาท ขอทุกคนภูมิใจที่เป็นด่านหน้าดูแลแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็ง ย้ำทำงานอย่างบูรณาการ  ไม่ได้ตัดสินใจเพียงคนเดียว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  จำนวน 88 ราย จากเงินบริจาค บัญชีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นเงินจำนวน 2,980,000 บาท 

แบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์ ที่ป่วยจากการปฏิบัติหน้าที่จนต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน จำนวน 70 ราย ให้ความช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท  เจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสาธารณสุข ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 4 ราย ให้ความช่วยเหลือแก่ทายาทรายละ 100,000 บาท เจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสาธารณสุข ที่เจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ถึงขั้นสาหัส จำนวน 6 ราย ให้ความช่วยเหลือรายละ 40,000 บาท และเจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านสาธารณสุข ที่ป่วยจากการปฏิบัติหน้าที่จนต้องเข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน จำนวน 8 ราย โดยมี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งทายาทอาสาสมัครสาธารณสุขผู้เสียชีวิต เป็นผู้แทนรับมอบ 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องซาบซึ้งถึงคุณค่าของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19  ซึ่งไทยมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ จนทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า Global COVID-19 หรือ (GCI) จัดคะแนนดัชนีและอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 เป็นอันดับ 2 ของโลก จาก 184 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอะไรที่ยังติดปัญหาก็ขอให้ทุกคนเข้าใจในการแก้ปัญหา เพราะถ้าหากตัดสินใจอะไรที่รวดเร็วเกินไปก็อาจทำให้ปัญหากลับมาใหม่ ขอให้ทุกคนภูมิใจที่ได้เป็นด่านหน้าในการดูแลแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็ง เสียสละ ไม่หวังผลประโยชน์ อุทิศตนในการป้องกันเฝ้าระวัง  ซึ่งทางรัฐบาลจะดูแลเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ดีที่สุด 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การป้องกันในวันนี้ อาจทดแทนอะไรไม่ได้ แต่จะทำให้คนข้างหลังมีความสุข และขอให้ใช้เงินอย่างประหยัด และเงินบริจาคไม่ได้ใช้ในนามรัฐบาล แต่จะใช้เพิ่มเติมจากระเบียบราชการ ซื้อสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างประเทศไทยให้รู้ว่าคนไทยไม่ทิ้งกัน  ขณะเดียวกันต้องดูแลคนไทยในต่างประเทศด้วย แต่จะต้องหามาตรการและกฎหมายที่เหมาะสมมาดูแลและควบคุมการแพร่ระบาด สิ่งสำคัญในวันนี้นอกจากต้องป้องกันการแพร่ระบาดแล้วยังต้องแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ในเร็ววัน เช่นเดียวกับหลายประเทศก็พบปัญหา แม้จะเป็นประเทศขนาดใหญ่ การแก้ปัญหาจะต้องใช้สาธารณสุขมาเป็นตัวนำ 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยใช้อำนาจเพียงคนเดียวในการทำงาน แต่ได้ทำงานอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วน ขณะที่วันนี้มีความจำเป็นจะต้องมีมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 5 จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ตนไม่ได้สั่งการเพียงคนเดียว แต่ได้ให้แนวทางและกำหนดนโยบาย โดยมีคณะทำงานหลายคณะ ที่จะเสนอแนวทางที่ดีที่สุดขึ้นมาให้พิจารณาเพื่อให้ผ่านความเห็นชอบ จึงขอให้ทุกคนวางใจว่าทุกอย่างจะผ่านการกลั่นกรองอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต และหวังว่าพลังในการร่วมแรงร่วมใจในครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยผ่านภาวะวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว