ทำเนียบรัฐบาล 26 มิ.ย.-นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงเวทีสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 ย้ำความสำเร็จไทยคุมโควิด-19 ได้ดี พร้อมมาตรการเข้มต่อเนื่องสกัดแพร่ระบาดระลอก 2 เสนออาเซียนทำข้อกำหนดสาธารณสุขร่วมกันเพื่อเปิดประเทศ ร่วมบริจาคแสนดอลลาร์สหรัฐหนุนกองทุนพัฒนาวัคซีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้องผ่านระบบประชุมทางไกล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงเพื่อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19 ว่า ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับเวียดนามที่การประชุมสุดยอดอาเซียนและอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด-19 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียน ในการรับมือกับโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ไทยและประชาคมโลกอยู่ในช่วงกำลังปรับตัวกับชีวิตวิถีใหม่ ขณะที่ในประเทศไทยดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต แต่ยังคงบังคับใช้มาตรการด้านสุขอนามัย การรักษาระยะห่างทางสังคมและการใช้แอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ป้องกันการแพร่ระบาดระลอกสอง ในขณะที่กำลังปรับตัวรับกับวิถีใหม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกด้านหนึ่ง ทุกคนกำลังรับมือกับสภาพภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ผันผวนมากขึ้น เราได้เห็นการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจ การเพิ่มขึ้นของกระแสชาตินิยมและต่อต้านโลกาภิวัตน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศ ท้าทายระบบพหุภาคีนิยม อาเซียนจึงควรร่วมมือกันต้านกระแสเหล่านี้ เสริมสร้างระบบภูมิภาคนิยมให้เข้มแข็ง ส่งเสริมการช่วยเหลือเกื้อกูลระดับโลก ผนึกกำลังรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค หลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้เลือกข้าง และเป็นสะพานเชื่อมโยงมหาอำนาจที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาค ใช้มุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้อาเซียนสามารถรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้อย่างยั่งยืน
“ขอเสนอ 3 แนวทางเพื่อขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19 โดยประการแรก อาเซียนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ด้วยการเร่งดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว ควรเริ่มพิจารณาแนวทางร่วมกันในการผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจและการเดินทาง โดยอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความพร้อมก่อน สร้างช่องทางพิเศษสำหรับนักธุรกิจและประชาชน บนพื้นฐานของมาตรการด้านสาธารณสุขที่ยอมรับร่วมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการที่สอง สร้างอาเซียนให้เข้มแข็งขึ้นจากภายใน ผ่านการขับเคลื่อนการบูรณาการทางเศรษฐกิจ เร่งลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ภายในปีนี้ เพื่อช่วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งใน 10 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลคือกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าจีดีพีของอาเซียนให้สูงขึ้นอีกถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงและต่อยอดจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพโดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG
“ประการที่สาม อาเซียนที่มีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น คือ สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว สนับสนุนให้คณะมนตรีประชาคมอาเซียนทั้งสามเสาหลัก เริ่มจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อวางแนวทางให้แก่อาเซียนในอนาคต โดยต่อยอดจากความสำเร็จต่าง ๆ ครอบคลุมประเด็นความมั่นคงทางสาธารณสุข โดยเฉพาะหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยไทยจะร่วมบริจาคเงินจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนกองทุนดังกล่าว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือ เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร เสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ และการป้องกันแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนต้องเร่งดำเนินการเชิงรุกเตรียมการทุกมิติ ต้องยึดมั่นแนวทางการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึงแรงงานข้ามชาติ สำหรับประเทศไทย ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหลักปรัชญาดังกล่าวเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้อาเซียนกลับมาเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็น
“ขอขอบคุณเพื่อนประเทศสมาชิกอาเซียนที่ดูแลช่วยเหลือคนไทยในประเทศของท่าน และอำนวยความสะดวกในการส่งคนไทยกลับบ้าน ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยได้ดูแลให้ความช่วยเหลือพลเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับผลกระทบ อำนวยความสะดวกการเดินทางกลับ รวมจำนวนกว่า 18,000 คน นอกจากนี้ต้องเร่งดำเนินการเชิงรุก โดยร่วมประชุมหารือทางไกล เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค ความล่าช้า และเตรียมความพร้อมทุกมิติ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีร่วมรับรอง “วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง” พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่ไทยจะร่วมกับทุกภาคี เพื่อให้อาเซียนเป็นประชาคมของประชาชน ที่ทุกคนก้าวไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมเกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องการจัดทำข้อตกลงร่วมกันด้านสาธารณสุข เพื่อเปิดประเทศหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันก่อน ทั้งสถานการณ์ภายนอกและภายในประเทศ เพราะจะต้องมีความพร้อมทั้งเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะเที่ยวบิน โดยต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมดว่าจะไปที่ไหนอย่างไร ซึ่งชุมชนจะต้องดูแลด้วย
“ต้องคิดเตรียมการไว้รอบด้าน ถ้าทำผลีผลามไป จะเกิดอันตรายได้ ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย การผ่อนคลายมาตรการบางอย่างเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อวานนี้(25 มิ.ย.) ยังหารือกันและมีความกังวลเรื่องการป้องกันและดูแลสุขภาพที่ยังต้องทำอย่างเข้มงวดต่อไป ต้องทำควบคูกันไป ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ทั้งหมด ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย