กทม.เตรียม 2 แนวทางจัดการเรียนการสอน 437 โรงเรียน

กทม.8 มิ.ย.-กทม.เตรียม 2 แนวทางจัดการเรียนการสอนโรงเรียนในสังกัด กทม.เปิดภาคเรียน 1 ก.ค.นี้ โรงเรียนขนาดเล็กนักเรียนไม่เกิน 400 คน จัด การเรียนการสอนปกติ นักเรียนมาทุกวัน 1 ห้องมี 20 คน ส่วนขนาดกลางและขนาดใหญ่ จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสา


ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (โฆษก กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ครั้งที่ 13/2563 ซึ่งมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.เป็นประธาน ว่า ในที่ประชุมวันนี้สำนักการ ศึกษาได้รายงานการเตรียมความพร้อมแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด กทม.ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค.63  


โดยโรงเรียนในสังกัด กทม.แบ่งตามจำนวนนักเรียนได้ 3 ขนาด ได้แก่ 

1. โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน 

2. โรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 401-800 คน


และ 3.โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 801-1500 คน 

สำนักการศึกษา ได้จัดเตรียมแนวทางการจัดการเรียนการสอน 2 รูปแบบ ดังนี้ 

-โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน มีทั้งหมด 204 โรงเรียน จะจัดให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ  โดยให้นักเรียนมาโรงเรียนทุกวัน และเรียนตามตารางเรียนในชั่วโมงหรือคาบเรียนปกติ ใน 1 ห้องเรียน มีจำนวนนักเรียน 20 คนโดยประมาณ และให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคมทั้งเวลาเรียน ช่วงเวลาพัก และการรับประทานอาหาร 

สำหรับโรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 233 โรงเรียน จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ 

รูปแบบที่ 1แบบสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนตั้งแต่ 401-800 คน เช่น ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียนวันอังคาร วันพฤหัส ส่วนระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ โดยในช่วงที่นักเรียนไม่ได้มาเรียนในวันปกติจะใช้วิธีการเรียนรู้ทาง Online และ On Air เข้ามาทดแทนการเรียนในห้องเรียน โดยให้ครูเข้ามาควบคุมดูแลในการจัดการเรียนรู้ และมอบแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงานหรือกิจกรรมให้ไปทำที่บ้าน และให้นับเวลาการเรียนช่องทางดังกล่าวชดเชยการเรียนในช่วงเวลาปกติได้ด้วย 

รูปแบบที่ 2 แบบมาเรียนปกติ ร่วมกับสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียน 801-1,500 คน และโรงเรียนขนาดใหญ่มาก ที่มีนักเรียนมากกว่า 1,500 คน คือระดับอนุบาล และระดับประถมศึกษาตอนต้น ให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ สำหรับระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาให้สลับวันมาเรียน ทั้งนี้ให้สถานศึกษาพิจารณาการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม โดยตั้งแต่วันที่ 1-20 มิ.ย. 63 สำนักการศึกษาจะได้ตรวจความพร้อมของโรงเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานอีกครั้ง 

ส่วนการวัดและประเมินผลระดับปฐมวัยจะใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน โดยครูประสานขอความร่วมมือผู้ปกครองในการร่วมประเมินพัฒนาการด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ระดับประถมฯและมัธยมฯใช้การประเมินหลายรูปแบบร่วมกัน อาทิ การเข้าชั้นเรียน การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน การสัมภาษณ์ พูดคุย ซักถาม การทำแบบทดสอบออนไลน์ การทดสอบด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบหรือความเรียงแบบออนไลน์ เป็นต้น

นอกจากนี้ สำนักการศึกษาได้เตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอื่นๆ ได้แก่ มาตรการดูแลระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน กรณีเดินทางด้วยรถตู้โดยสาร ให้คนขับรถสวมใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับส่งนักเรียนทุกครั้ง หรือหากผู้ปกครองมาส่ง ต้องมีการจัดพื้นที่สำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียนและมีการคัดกรองอุณหภูมิทุกครั้ง มาตรการสำหรับกิจกรรมหน้าเสาธง กรณีโรงเรียนขนาดเล็กและมีพื้นที่ สามารถให้นักเรียนร่วมกิจกรรมได้ปกติภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง กรณีมีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียน   หรือเข้าแถวหน้าห้องเรียน 

มาตรการในห้องเรียน ให้มีการจัดโต๊ะเรียนจำนวนไม่เกิน 20 ตัว โดยแต่ละตัวเว้นระยะห่าง 1.5 เมตรให้ทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวันและหลังเลิกเรียน สำหรับการนอนของนักเรียนปฐมวัย ให้งดการใช้เครื่องปรับอากาศ อาจใช้พัดลมแทน 

มาตรการสำหรับการรับประทานอาหาร ให้โรงเรียนพิจารณาจัดที่รับประทานอาหารทั้งในห้องเรียนและโรงอาหาร และเหลื่อมเวลาตามบริบทและความพร้อมของโรงเรียน โดยในโรงอาหารต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น และเว้นระยะนักเรียน แม่ครัว พนักงาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ สำหรับการจัดการเรียนการสอนของเด็กพิเศษ(เรียนร่วม) ให้จัดการเรียนการสอนแบบปกติ นักเรียนสามารถมาเรียนได้ทุกวัน โดยมีการเว้นระยะห่าง และกำหนดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียน 6 คน ต่อ 1 ห้องเรียน

โฆษก กทม.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักการศึกษา ประสานโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และมีมาตรฐานการจัดการเรียนการสอน ร่วมผลิตสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ อาทิ โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนรัฐอันดับต้นๆ ของประเทศเพื่อให้เด็กนักเรียนของ กทม.ได้เรียนออนไลน์ที่มีประสิทธิ ภาพ รวมทั้งให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ครูและผู้ปกครองได้รับทราบและเข้าใจในแนวทางของกทม.ก่อนเปิดภาคเรียน .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น-อีสานอุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยในภาคอีสาน ส่วนภาคเหนือตอนบน ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก