13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก
ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย
โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์
เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้
ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังคงปกติ แต่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ไม่น่าไว้วางใจ ชาวบ้านติดชายแดนต่างพากันวิตกหวั่นเกิดปะทะ จึงเตรียมพร้อมเก็บสัมภาระ เผื่อต้องอพยพออกจากพื้นที่ ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากศูนย์พักพิงชั่วคราวเพียงไม่กี่วัน แต่บางส่วนอพยพออกจากพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ไปอยู่บ้านญาติต่างพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แม้ผู้นำหมู่บ้านจะประชาสัมพันธ์ให้รับทราบ แต่ชาวบ้านก็ยืนยันที่จะอพยพออกไป เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์
โรงเรียน-โรงพยาบาลอุบลฯ เปิดให้บริการวันแรกหลังเหตุการณ์ไม่สงบ
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี โรงเรียน โรงพยาบาล กลับมาเปิดให้บริการแล้วเป็นวันแรก หลังต้องปิดจากเหตุการณ์ไม่สงบไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่โรงเรียนบ้านโซง ต.โซง อ.น้ำยืน ครูและนักเรียนช่วยกันทำความสะอาด และชี้แจงแนวทางการปฏิบัตหากเกิดความผิดปกติ แต่พบว่ามีนักเรียนมาเรียนเพียง 300 กว่าคน จากทั้งหมดเกือบ 500 คน อาจเป็นเพราะเปิดเรียนวันแรก ผู้ปกครองหลายครอบครัวถึงยังไม่มั่นใจให้บุตรหลานมาโรงเรียน ซึ่งวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาที่เกิดการปะทะวันแรก ทางโรงเรียนใช้เวลาอพยพนักเรียนได้ภายใน 15 นาที
ส่วนโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.น้ำยืน กลับมาเปิดให้บริการวันแรกเช่นกัน แต่ยังมีผู้ป่วยมาพบแพทย์และรับยาค่อนข้างบางตา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโรงพยาบาลจัดส่งยาไปให้ที่บ้านแล้วในช่วงที่อพยพ
เปิดเรียนวันแรก นร.ไม่กล้ามาโรงเรียน
ที่ อ.บ้านกรวด พื้นที่ชายแดนด้าน จ.บุรีรัมย์ วันนี้โรงเรียนแนวชายแดนที่หยุดระหว่างปะทะกลับมาเปิดเรียนแล้วเป็นวันแรก แต่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา นักเรียนมาเรียนไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุมาจากผู้ปกครองยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ และเตรียมสิ่งของเตรียมอพยพได้ทันทีเมื่อได้รับการแจ้งเตือน.-สำนักข่าวไทย