กทม. 4 มิ.ย. – วันนี้เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เปิดผลสำรวจผลกระทบครัวเรือนไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่ามากถึงร้อยละ 90 จึงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนถ้วนหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
แม้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แต่ปัญหาปากท้องประชาชนยังคงน่าห่วง สอดคล้องกับ ผลสำรวจของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ พบว่าครัวเรือนไทยร้อยละ 90 ได้รับผลกระทบและรายได้ลดลงเกินกว่าครึ่ง
เงินเก็บที่มีใช้ได้ไม่ถึง 3 เดือน บางครัวเรือนรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ เนื่องจากหยุดอยู่บ้าน สวนทางกับรายได้ที่แทบจะไม่มีเข้ามา ที่สำคัญทุกระดับรายได้กระทบเกือบทั้งหมด หากได้รับการเยียวยาครบทุกคน จะทำให้ไม่เกิดการตกหล่นในกลุ่มที่เดือดร้อนตัวจริง
แรงงานนอกระบบกว่า 25 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าถึงการเยียวเพียง 3 ล้านคน แล้วส่วนที่เหลือแทบไม่มีเงินซื้อของกินของใช้ ระบบคัดกรองเพื่อรับเงินเยียวยายิ่งสร้างปัญหา เพราะเข้าถึงยาก จึงเกิดการตกหล่น ซ้ำเติมความเดือดร้อนไปอีก
โควิด-19 ไม่เพียงทำให้คนตกงาน ทุนหายรายได้หด แต่ยังทวีความรุนแรงไปสู่ปัญหาคนไร้บ้านที่จำนวนเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 30% เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง ต้องออกมาอยู่ตามสวนสาธารณะ ใต้สะพานลอย ใต้ทางด่วนแทน
นอกจากนี้ ยังเสนอ พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ เพื่อสร้างหลักประกันทางรายได้ โดยให้คนอายุ 60 ปี เข้าถึงเงิน 3,000 บาท ทุกเดือน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
โควิด-19 นับเป็นตัวสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยได้ชัดเจนขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ขาดความมั่นคงทางการเงิน หากรัฐจัดสวัสดิการที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่แนวสังคมสงเคราะห์เป็นครั้งคราว จะสามารถอุดรอยรั้วปัญหาความยากจนของประเทศได้ระยะยาว . – สำนักข่าวไทย