นนทบุรี 1 มิ.ย. – ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาหญิงอายุ 45 ปี ร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.นนทบุรี ให้ช่วยไกล่เกลี่ยกรณีถูกหวย 12 ล้านบาท หลังสามีนำไปขึ้นเงินรางวัล ก่อนเก็บเสื้อผ้าหนี ไม่สามารถติดต่อได้
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.ณัฐนันท์ หรือแอ๊ด สิริสุขธนานนท์ อายุ 45 ปี เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.นนทบุรี ให้ช่วยเป็นกลางไกล่เกลี่ยเงินที่ได้จากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 หมายเลข 589227 มูลค่า 12 ล้านบาท หลังสามีอายุ 51 ปี นำไปขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถ.สนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าหนี บล็อกเบอร์โทรศัพท์ ไม่สามารถติดต่อได้
น.ส.ณัฐนันท์ ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนทำอาชีพค้าขาย รู้จักกับสามีเมื่อปี 2561 ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ ขณะว่าจ้างไปส่ง จากนั้นชอบพอรักใคร่กัน ฝ่ายชายจึงย้ายมาอยู่กินด้วยกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส กระทั่งไปส่งสินค้าที่จังหวัดราชบุรี ได้แวะไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง และแวะซื้อลอตเตอรี่มา 5 ใบ โดยนายแป๊ะ ผู้เป็นสามี บอกให้ซื้อเลขที่ลงท้าย 27 ตนเองจึงควักเงิน 500 บาท ซื้อมา 5 ใบ และให้สามีเก็บไว้ แต่ยืนยันว่าควักเงินจ่าย 500 บาทจริง
กระทั่งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ สามีบอกว่าถูกรางวัลที่ 1 เลข 589227 งวดประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 2 ใบ ไปขึ้นเงิน 12 ล้านบาท พร้อมบอกตนว่าต่อไปเราสองคนจะไม่ลำบากแล้ว จะใช้หนี้ให้ตนเองที่กู้ธนาคารมาทำการค้า โดยสามีเปิดมือถือโชว์แคชเชียร์เช็คเงินสด 11,940,000 บาท ให้ดู ตนจึงขอถ่ายเก็บไว้ในมือถือเป็นหลักฐานด้วย
จากนั้นสามีเบิกเงินสดมา 400,000 บาท นำไปปิดไฟแนนซ์รถยนต์กระบะ ประมาณ 360,000 บาท ซ่อมแอร์ประมาณ 16,000 บาท แบ่งให้ตน 3,000 บาท และสามีเอาไป 1,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา สามีเก็บเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวหนีไป พร้อมบล็อกเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้อีก
น.ส.ณัฐนันท์ ผู้เสียหาย ระบุอีกว่า ตั้งแต่คบกันมาเคยไปบ้านสามีที่ จ.สุโขทัย ประมาณ 3 ครั้ง ระหว่างที่อยู่กินกันรักกันมาก สามีไม่เคยมีพฤติกรรมหรือปฏิบัติตัวกับตนไม่ดีเลย ไม่มีสัญญาณจะส่อแววไปทางนี้ด้วย หลังจากรู้ว่าถูกหวย 12 ล้านบาท ก็ดีใจ เนื่องจากปกติเวลาซื้อหวยตนจะให้สามีเป็นคนตรวจ ไว้ใจและเชื่อใจ เลยให้สามีเก็บหวยไว้ วันไปขึ้นเงินที่กองสลากฯ ก็ไปด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าสามีจะทิ้งไปแบบนี้ พยายามติดต่อแล้วแต่ติดต่อไม่ได้แล้ว ยืนยันไม่ได้ต้องการจะถึงขั้นฟ้องร้องดำเนินคดี แต่วอนฝ่ายชายเห็นใจบ้าง ยามลำบากทำไมทิ้งกันไป ไม่บอกลาสักคำ อยากจะบอกว่ายังรักอยู่นะ หากติดต่อหรือไกล่เกลี่ยไม่ได้อาจจะต้องมีการพูดคุยกับทนายอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทนายรณณรงค์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ระบุว่าคดีนี้แม้ทั้งคู่จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นสามีภรรยากันจริง ใช้เงินกระเป๋าเดียวกันจริง ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม จะต้องแบ่งเงินกันคนละ 6 ล้านบาท เบื้องต้นต้องรอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมเป็นตัวกลางเรียกมาไกล่เกลี่ยก่อน โดยมีระยะเวลา 15 วัน ส่วนวันพรุ่งนี้คาดว่าจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สน.ท่าข้าม .-สำนักข่าวไทย