รัฐสภา 31 พ.ค. – ประธานวิปฝ่ายค้านขอรัฐบาลก่อนจะกู้เงินควรจะเกลี่ยงบประมาณปี 2563 ก่อน เพื่อเช็กเงินในกระเป๋า พร้อมกันนี้ยังไม่เห็นด้วยที่จะกู้เงินเต็มวงเงิน 1 ล้านล้านบาท แต่ขอให้กู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายปิดเป็นคนสุดท้าย สำหรับการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ พร้อมตั้งคำถาม 5 ข้อ ถึงความจำเป็นในการกู้เงิน หากจำเป็นต้องกู้ ต้องกู้เท่าไร กู้เพื่อทำอะไร กู้เพื่อหวังผลอะไร กู้แล้วจะสำเร็จหรือไม่ และหากกู้แล้วถ้าทำไม่สำเร็จ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามว่าหากทำไม่ได้จะทำให้ประเทศไทยมีสภาพเหมือนกับการบินไทยหรือไม่
นายสุทินยังบอกว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการกู้เงินของรัฐบาล แต่ก่อนจะกู้ควรจะเกลี่ยงบประมาณจากปี 2563 ก่อน เพื่อเป็นการเช็กเงินในกระเป๋า และกู้เท่าที่จำเป็น เพราะไม่เห็นด้วยกับการกู้เต็มวงเงิน 1 ล้านล้านบาท และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งเงินทุนที่รัฐบาลจะไปกู้ ไม่มีแผนงานการใช้งบ และกังวลว่าการออกพันธบัตรของรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยสูง 3 เท่า อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า จากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบรุนแรง จึงมีเป้าหมายจัดการเรื่องสาธารณสุขเป็นลำดับแรก และมุ่งเน้นเยียวยาสภาพคล่องของประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่การให้เงินเยียวยาประชาชนเท่านั้น แต่ฟื้นฟูเพื่อให้สอดรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วย
นอกจากนี้รัฐบาลยังร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เตรียมออกมาตรการที่ไม่ใช่ตัวเงิน อย่างการพัฒนาทักษะอาชีพ พร้อมยืนยันรัฐบาลอยากดำเนินมาตรการเยียวยาให้เร็วกว่านี้ แต่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้เยียวยาได้ถูกตัว หากเกิดสถานการณ์ในอนาคต เชื่อว่าจะมีข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์จากการดำเนินการในครั้งนี้ ขณะที่การกู้เงินครั้งนี้ กระทรวงการคลังมีแผนการกู้เงินที่เป็นสากล และการใช้อำนาจของรัฐมนตรี ตาม พ.ร.ก.กู้เงินนี้เป็นไปอย่างสุจริตและโปร่งใส อยู่ภายใต้การตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมของศาล ไม่ได้ให้อำนาจสูงสุดแก่รัฐมนตรีเทียบเท่าศาล.-สำนักข่าวไทย