ปคม.แถลงปิดคดีอุ้มบุญข้ามชาติ รวบผู้ต้องหา 22 คน

บก.ปคบ. 29 พ.ค. – ตำรวจ ปคม. แถลงสรุปปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งอุ้มบุญข้ามชาติ ซึ่งมีคนจีนเป็นนายทุนว่าจ้างหญิงไทยตั้งครรภ์แทน โดยออกหมายจับผู้ต้องหา 23 คน จับกุมได้ 22 คน ตำรวจส่งสำนวนให้อัยการแล้ว อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหายืนตามพนักงานสอบสวน



พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) พร้อมทีมงานรอง ผบก.ปคม. นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงาน ปปง. แถลงว่า ตำรวจเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการรับจ้างตั้งครรภ์ หรืออุ้มบุญข้ามชาติ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นสอบสวนขยายผล โดยใช้เวลากว่า 3 เดือน พบผู้กระทำความผิด 23 คน คือ นายทุนจีนผู้ว่าจ้าง 5 คน สูตินรีแพทย์ 5 คน นักวิทยาศาสตร์ 1 คน นายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญ และหญิงสาวขายไข่ รวมทั้งผู้ที่ให้การดูแลแม่อุ้มบุญ ในจำนวนนี้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 22 คน รวมทั้งแพทย์ 5 คน ส่วนอีก 1 คน หลบหนีไปต่างประเทศ 


พฤติการณ์คดีนี้เริ่มจากพ่อแม่คนจีนที่มีปัญหาในการมีบุตร ติดต่อนายหน้าคนจีนและนายหน้าคนไทยให้ติดต่อแพทย์เพื่อทำการตั้งครรภ์ ในกรณีที่แม่คนจีนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เอง จะมีนายหน้าคนไทย ซึ่งเดิมอาจเป็นแม่อุ้มบุญ ผันตัวมาเป็นนายหน้า จัดหาหญิงสาวเพื่อติดต่อซื้อไข่ไปผสมกับอสุจิของพ่อชาวจีน จากนั้นจะเดินทางไปฝังตัวอ่อนยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไทยมีกฎหมายอุ้มบุญ เมื่อปี 2558 


แม่อุ้มบุญที่ตั้งครรภ์แล้ว จะดำเนินการใน 3 ลักษณะ คือ คลอดลูกที่ประเทศไทยและเป็นคนอุ้มไปส่งให้พ่อแม่คนจีนที่เมืองจีน เดินทางไปคลอดลูกที่จีน และแปลงสัญชาติเด็กเป็นพลเมืองจีน คดีนี้ตำรวจพบผู้เกี่ยวข้องในคดีถึง 500 คน ประมาณ 300 คน เป็นหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญและขายไข่ แต่ทั้งหมดถูกกัน ตัวไว้เป็นพยาน ดำเนินคดีเฉพาะ 23 คนข้างต้น

นอกจากนี้ ตำรวจยังประสาน ปปง. ตรวจสอบรถยนต์ในเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติกว่า 20 คัน และที่ดินในกรุงเทพฯ 4 แปลง รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถยึดทรัพย์สินทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดินได้ในไม่ช้า

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ตำรวจใช้เวลากว่า 3 เดือน ในการคลี่คลายคดี และได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา 2 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.อุ้มบุญ และ พ.ร.บ.อาชญากรรมข้ามชาติ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 ให้อัยการพิจารณา จากนั้นอัยการตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน ซึ่งมีจำนวนกว่า 30 แฟ้ม และสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 22 คน ยืนตามพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา

คดีนี้มีแพทย์เกี่ยวข้อง 5 คน ซึ่งทำหน้าที่ฝังตัวอ่อนให้กับแม่อุ้มบุญ เบื้องต้นแพทย์ทั้ง 5 คน ถูกตั้ง 2 ข้อหาเช่นกัน และยังให้การปฏิเสธ ซึ่งต้นสังกัดจะประสานขอข้อมูล เพื่อพิจารณาเอาผิดแพทย์กลุ่มนี้ด้วย แต่คาดว่าต้องใช้เวลา หลังจากศาลมีคำพิพากษาในคดีแล้ว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ