รัฐสภา 27 พ.ค.-“สาธิต” รมช.สาธารณสุข แจงรัฐบาลพยายามจัดสรรหน้ากากอนามัย – PPE ให้บุคลากรทางการแพทย์อย่างทั่วถึง ขอคนไทยอดทน การ์ดอย่าตก ฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมการต่อสู้การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการจัดหาหน้ากากอนามัยทางการแพทย์และ N95 ว่า ตนขอชี้แจงในเบื้องต้นว่าสถานการณ์ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,054 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 9 คน ซึ่งเป็นการตรวจพบในสถานกักกันโรคของรัฐ หรือ State Quarantine และมีผู้เสียชีวิตสะสม 57 ราย โดยจากการจัดลำดับ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งหากจัดลำดับจากผู้เสียชีวิตไทยอยู่ในลำดับที่ 77 ของโลก และหากจัดลำดับตามจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในลำดับที่ 75 ของโลก
ส่วนที่หลายฝ่ายห่วงเรื่องการกระจายหน้ากากอนามัยนั้น นายสาธิต กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น การต่อสู้เป็นการเรียนรู้ไปพร้อมกัน และต้องมีการปรับแผนหน้างานตลอดเวลา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขของไทยยึดหลักการเน้นความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ แต่อาจจะมีการขาดแคลนอยู่บ้าง จึงพยายามจัดหาอุปกรณ์ โดยจัดลำดับความสำคัญไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้มีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน โดยครั้งแรกมอบให้โอกาสเภสัชกรเป็นผู้จัดหา ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีเตียงรองรับผู้ป่วยเฉพาะในกรุงเทพฯ ประมาณ 2,000 และโรงพยาบาลในต่างจังหวัดรวมอีก 7,000 เตียง และสามารถเตรียมความพร้อมที่จะรองรับผู้ป่วยได้วันละ 300-400 ราย โดยการดำเนินการทั้งหมดถูกดำเนินการภายใต้ทรัพยากรที่มีจํากัด และต้องยอมรับว่าอุปกรณ์ในการจัดหามีความขาดแคลนในช่วงหนึ่ง และที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคําถามถึงกรณีหน้ากาก N95 ว่า มีบริษัทหนึ่งในประเทศไทยที่ผลิต N95 แต่บริษัทนี้ได้รับลิขสิทธิ์หรือได้รับอนุญาตจากโรงงานในการผลิตหน้ากาก N95 แต่ผลิตเพื่อส่งออกไปให้กับประเทศอื่น ไม่สามารถจำหน่ายในประเทศได้ ส่วนชุด PPE ส่วนใหญ่ นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด โดยเป็นการนำเข้าจากบริษัทในประเทศอเมริกา แต่ผลิตที่เวียดนาม รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ใช้หน้ากาก N95 โดยบริษัท สยามโคเค็น เป็นบริษัทที่ผลิต N95 ที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ในการทางการแพทย์ได้ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เจรจาให้บริษัทสยามโคเค็น ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 400,000 ชิ้นต่อเดือน ขอให้เพิ่มการผลิต เป็นประมาณ 600,000 ชิ้น โดยให้ส่งให้รัฐบาลไม่ต่ำกว่า 300,000 ชิ้น ส่วนการนำเข้าหน้ากาก N95 จากต่างประเทศด้วยความจำเป็นที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศบริษัท 3M ไม่มีการเจรจา ขอให้ขายให้ไทยในเกรดบุคลากรทางการแพทย์ 200,000 ชิ้น และจะผลิตอีก 50,000 ชิ้นในเกรดสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์
ขณะที่ชุด PPE องค์การเภสัช ได้เซ็นสัญญากับบริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่ผลิตในประเทศเวียดนามและผลิตให้ประมาณ 400,000 ชิ้น ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีการทำทุกวิถีทางทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความปลอดภัยในการรักษาผู้ป่วยและไม่เป็นผู้ติดเชื้อเอง ดังนั้นทรัพยากรที่มีจำกัด วิธีการแจกจ่ายทาง N95 และชุด PPE ต้องจ่ายไปตามความต้องการหรือคำนวณจากจำนวนผู้ป่วย อีกทั้งขณะนี้บริษัท IRPC ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรัฐวิสาหกิจของไทยมีความพยายามการผลิตสินค้าทางการแพทย์เช่นเดียวกัน เพื่อรองรับการขาดแคลนหากเกิดการระบาดของโรค แต่อุปสรรคการผลิตในประเทศไทยเนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบเส้นใย จึงเป็นปัญหาและอุปสรรค ขณะนี้มีการศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้สามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องผลิตการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
นายสาธิต ยังกล่าวถึง อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. ว่า วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เนื่องเป็นผู้ทำงานปิดทองหลังพระ ทำให้ประเทศมีการติดเชื้อน้อยลง และรัฐบาลให้ความสำคัญกับ อสม. ซึ่งผู้ที่ได้เสียชีวิต จะได้รับกองทุนจากกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำชมรมฌาปนกิจสงเคราะห์ให้กับ อสม.ทั่วประเทศ หากเสียชีวิตจะได้รับเงินเป็นเงิน 300,000 บาท
ทั้งนี้ ทั่วโลกได้ยกสาธารณสุขของไทยเป็นมาตรฐานใหม่ของทั่วโลกไป แม้ว่าไม่ได้มีหลักเกณฑ์ว่าทุกคนต้องใส่หน้ากาก แต่รัฐบาลพยายามรณรงค์ให้ใส่หน้ากากผ้า แต่วันนี้ประชาชนคนไทยใส่หน้ากากทั้งหมดกว่าร้อยละ 90 อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ตนขอให้คนไทยอดทน การ์ดอย่าตก ไทยมีผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวมีวินัย ในการป้องกัน ขอให้อดทนอีกนิด ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน และรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ก็จะได้ต่อสู้กับโควิด-19 ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้ได้.-สำนักข่าวไทย