กรุงเทพฯ 18 พ.ค. – เอ็กโก กรุ๊ป ยอมรับยอดใช้ไฟฟ้าลดจาก โควิด-19 กระทบ รายได้ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ โดย 3 โครงการโรงไฟฟ้า มีความก้าวหน้าตามแผนงาน พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2563 – 2565
นายกัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 2,357 ล้านบาท ลดลงจำนวน 558 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2562 โดยมีสาเหตุหลักจากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เคซอน และไซยะบุรี
นายกัมปนาท กล่าวว่า แม้วิกฤตโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้นของบริษัทฯ บ้าง ได้แก่ การสั่งการผลิตไฟฟ้า (Dispatch) น้อยลง ซึ่งแปรผันตามความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่ลดลง และการเลื่อนแผน การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าบางแห่งในต่างประเทศออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางและการขนส่งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงต่างๆ แต่ในภาพรวมการดำเนินงาน ยังสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และยังคงมุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจตามทิศทางการดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้ ทั้งด้านการผลิตไฟฟ้าและให้บริการด้านพลังงาน รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Smart Energy Solution เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ตลอดจนเปิดกว้างเรื่องพื้นที่การลงทุนที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงมั่นใจว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต
นายกัมปนาท กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ในเกาหลีใต้ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 91.55 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 69.23 ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 31.32 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2564
นอกจากนั้น ในไตรมาส 1/63 กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท หยุนหลิน โฮลดิ้ง จีเอ็มบีเอช จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน โดยการซื้อขายหุ้นได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จ ในการขยายการลงทุนสู่พื้นที่ใหม่ในไต้หวันอย่างเป็นทางการ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน 28 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 5,475 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 171 เมกะวัตต์ . – สำนักข่าวไทย