เปิดวงเงินอุดหนุน 68 พรรคการเมือง 120 ล้าน ปชป.รับมากสุด

15 พ.ค.-เปิด 68 พรรคการเมืองรับเงินจัดสรรจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองปี 2563 จำนวน 120 ล้าน ประชาธิปัตย์ได้เงินมากสุด 37.3 ล้าน พลังประชารัฐ 13 ล้าน ส่วนเพื่อไทยได้ 11.3 ล้าน แต่เจอหักชดใช้ค่าเลือกตั้งส.ส.เขต 8 เชียงใหม่


วันนี้ (15พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊กกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ของสำนักงาน กกต.ได้เผยแพร่รายละเอียด คณะกรรมการกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มีมติเมื่อวันที่ 20 เมษายน  2563 อนุมัติการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่พรรคการเมือง ประจำปี 2563 รวม 68 พรรคการเมือง วงเงิน 120,087,841.85 บาท ตามหลักเกณฑ์มาตรา 83 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560  

1.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเงินอุดหนุน 37,332,493.39 บาท


2.พรรคประชากรไทย ได้รับเงินอุดหนุน 1,571,117.59 บาท 

3.พรรคความหวังใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 447,560.08 บาท  

4.พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ได้รับเงินอุดหนุน 574,718.23 บาท


5.พรรคเพื่อไทย ได้รับเงินอุดหนุน 11,355,849.04 บาท  แต่ได้รับการโอนจริง 1,672,093.92 บาท  เนื่องจากในการเลือกตั้งส.ส.เมื่อ 24 มีนาคม 2562 กกต.ได้มีคำวินิจฉัยให้ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพล เกียรติไชยากร  ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย  ไว้เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 หนึ่งปี และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา ยกเลิกการเลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้งส.ส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 ใหม่ และให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายสุรพล  รวมทั้ง กกต.ได้มีมติเห็นชอบหลักฐานการใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง ครั้งที่เป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จำนวนเงินรวม 9,683,755.12 บาท  ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จะต้องถูกหักจำนวนเงินที่กกต.ยื่นฟ้องให้สมาชิกผู้นั้นชดใช้คืนออกจากเงินจัดสรรตามมาตรา 83 (5) ทำให้คงเหลือ1,669,093.89 บาท และให้ส่งคืนเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 9,683,755.12 บาท  หากภายหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นไม่ต้องรับผิด หรือรับผิดน้อยกว่าที่คณะกรรมการยื่นฟ้อง ให้คณะกรรมการกองทุนจ่ายเงินคืนให้แก่พรรคการเมืองนั้นต่อไป ตามมาตรา 83 (5) 

พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง2560 และข้อ 27ของระเบียบกกต.ว่าด้วยกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

6.พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้รับเงินอุดหนุน 427,004.51 บาท   

7.พรรคชาติพัฒนา ได้รับเงินอุดหนุน 385,474.00 บาท  

8.พรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับเงินอุดหนุน  497,912.83 บาท

9.พรรคอนาคตไทย ได้รับเงินอุดหนุน 1,272,266.26 บาท

10.พรรคภูมิใจไทย  ได้รับเงินอุดหนุน 845,841.45 บาท   

11.พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ได้รับเงินอุดหนุน  1,081,033.77 บาท  

12.พรรคประชาสามัคคี ได้รับเงินอุดหนุน  843,396.36 บาท  

13.พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 2,137,414.04 บาท

14.พรรคพลังชล ได้รับเงินอุดหนุน  660,705.48 บาท  

15.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้รับเงินอุดหนุน  693,062.07 บาท

16.พรรคพลังสหกรณ์ ได้รับเงินอุดหนุน 940,862.63 บาท  

17.พรรคพลังท้องถิ่นไท ได้รับเงินอุดหนุน  494,374.39 บาท  

18.พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ได้รับเงินอุดหนุน  703,261.45 บาท

19.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ได้รับเงินอุดหนุน 1,261,033.23 บาท  

20.พรรคไทรักธรรม ได้รับเงินอุดหนุน 6,707,694.64 บาท

21.พรรคเสรีรวมไทย ได้รับเงินอุดหนุน 3,926,388.68 บาท  

22.พรรครักษ์ธรรม ได้รับเงินอุดหนุน 601,479.01 บาท  

23.พรรคเพื่อชาติ ได้รับเงินอุดหนุน  663,975.20 บาท

24.พรรคพลังประชาธิปไตย ได้รับเงินอุดหนุน 800,003.59 บาท  

25.พรรคภราดรภาพ ได้รับเงินอุดหนุน 299,130.80 บาท  

26.พรรคพลังไทยรักชาติ ได้รับเงินอุดหนุน 2,115,641.55 บาท   

27.พรรคเพื่อชีวิตใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 536,271.76 บาท  

28.พรรคก้าวไกล ได้รับเงินอุดหนุน 358,009.71 บาท  

29.พรรคทางเลือกใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 551,413.07 บาท

30.พรรคมติประชา ได้รับเงินอุดหนุน 551,464.57 บาท 

31.พรรคประชาภิวัฒน์ ได้รับเงินอุดหนุน 640,063.34 บาท  

32.พรรคพลเมืองไทย ได้รับเงินอุดหนุน 1,150,528.97 บาท  

33.พรรครวมใจไทย ได้รับเงินอุดหนุน 603,798.84 บาท  

34.พรรคพลังธรรมใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 1,271,001.93 บาท

35.พรรคไทยธรรม ได้รับเงินอุดหนุน 554,857.41 บาท 

36.พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้รับเงินอุดหนุน 790,199.97 บาท  

37.พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้รับเงินอุดหนุน 6,680,216.55 บาท  

38.พรรคสยามพัฒนา ได้รับเงินอุดหนุน 392,074.84 บาท

39.พรรคเพื่อคนไทย ได้รับเงินอุดหนุน 144,622.98 บาท

40.พรรคพลังปวงชนไทย ได้รับเงินอุดหนุน 3,581,324.45 บาท  

41.พรรคพลังไทยรักไทย ได้รับเงินอุดหนุน 147,378.28 บาท 

42.พรรคพลังชาติไทย ได้รับเงินอุดหนุน 310,637.27 บาท  

43.พรรคประชาชาติ ได้รับเงินอุดหนุน 573,778.43 บาท  

44.พรรคแผ่นดินธรรม ได้รับเงินอุดหนุน 248,435.58 บาท 

45.พรรคคลองไทย ได้รับเงินอุดหนุน 219,709.14 บาท

46.พรรคประชาธรรมไทย ได้รับเงินอุดหนุน 740,816.92 บาท 

47.พรรคประชานิยม ได้รับเงินอุดหนุน 340,673.91 บาท  

48.พรรคพลังประชารัฐ ได้รับเงินอุดหนุน 13,570,414.54 บาท  

49.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้รับเงินอุดหนุน 1,751,685.33 บาท  

50.พรรคพลังรัก ได้รับเงินอุดหนุน 4,242.86 บาท

51.พรรคชาติพันธุ์ไทย ได้รับเงินอุดหนุน 2,206.42 บาท   

52.พรรคภูมิพลังเกษตรกร ได้รับเงินอุดหนุน 18,523.16 บาท  

53.พรรคพลังสังคม ได้รับเงินอุดหนุน 442,231.13 บาท 

54.พรรคพลังแรงงานไทย ได้รับเงินอุดหนุน 287,135.82 บาท

55.พรรคสุจริตชน ได้รับเงินอุดหนุน 652,382.32 บาท 

56.พรรคพลังศรัทธา ได้รับเงินอุดหนุน 500,074.75 บาท 

57.พรรคพลังแผ่นดินทอง ได้รับเงินอุดหนุน 71,693.71 บาท 

58.พรรคกลาง ได้รับเงินอุดหนุน 162,684.68 บาท 

59.พรรคพลังเพื่อไทย ได้รับเงินอุดหนุน 436,400.24 บาท 

60.พรรคประชาไทย ได้รับเงินอุดหนุน 519,022.47 บาท

61.พรรคกรีน ได้รับเงินอุดหนุน 512,483.68 บาท 

62.พรรคพัฒนาประเทศไทย ได้รับเงินอุดหนุน 2,026.20 บาท 

63.พรรคฐานรากไทย ได้รับเงินอุดหนุน 7,943.11 บาท 

64.พรรคสามัญชน ได้รับเงินอุดหนุน 496,547.38 บาท 

65.พรรคภาคีเครือข่ายไทย ได้รับเงินอุดหนุน 512,009.71 บาท 

66.พรรคเพื่อไทยพัฒนา ได้รับเงินอุดหนุน 7,900.00 บาท  

67.พรรคคนงานไทย ได้รับเงินอุดหนุน 700,004.87 บาท

68.พรรคสร้างชาติ ได้รับเงินอุดหนุน 403,257.28 บาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

“มาริษ” ร่อนหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น”

ก.ต่างประเทศ 29 ก.ค.-“มาริษ” ส่งหนังสือประท้วง “อาเซียน-สหรัฐ-จีน-ยูเอ็น” บอกต่อสายเพื่อนสนิทขอร่อนเอกสาร ยัน “กัมพูชา” ไม่จบ ยิงอีกรอบหลังจบเจรจา เปิดใจขอทุกคนไม่ต้องห่วง กต.ร่วมมือเต็มที่ปกป้องอธิปไตยไทยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยัน “ไทย” เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องกลัวสายตาโลก บอกนานาชาติชื่นชมพรึ่บ! นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้แจงว่าหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงหลายกรอบความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นอนุสัญญาออตตาวา, อนุสัญญาเจนีวา, กฎหมายระหว่างประเทศ, การใช้ทุ่นระเบิดและการโจมตีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ของประชาชน ซึ่งที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้เข้าไปในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้พบผู้แทนระดับสูงของ UN และหลายประเทศ หารือในเรื่องที่เราดำเนินการแก้ไขทุกอย่างด้วยสันติวิธี และใช้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมด ถึงแม้จะอดกลั้น แต่เราก็ยึดถือหลักสำคัญที่สุด คืออำนาจอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ เป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศกฎหมาย, กฎบัตรสหประชาชาติ, กฎหมายอาเซียน, ความตกลงและความเป็นครอบครัวอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งก็พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นพยายามไม่ให้สถานการณ์บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม เราถูกละเมิดอธิปไตย เราก็ต้องใช้สิทธิ์ตอบโต้ในสิ่งที่ประเทศไทยถูกละเมิดมาโดยตลอด นายมาริษ กล่าวว่า ภาพพจน์ของนานาประเทศที่ให้กับเรา ทำให้เราได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ คือความเป็นประเทศรักสงบ […]

น้ำท่วมชุมชนชายแดนแม่สายเริ่มลด เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำ

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำท่วมชุมชนชายแดน อ.แม่สาย เริ่มลดลงแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ทิ้งดินโคลนและเศษขยะไว้มากมาย ด้านข้างสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จะเห็นว่าน้ำในลำน้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา ลดระดับต่ำกว่าท้องสะพาน กว่า 40 เซนติเมตร หลังระดับน้ำที่จุดวัดบ้านโจตาดาในเมียนมา ที่เป็นต้นน้ำ ลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว โดยทหารช่างยังเร่งวางบิ๊กแบ็กที่จุดฟันหลอของพนังกั้นน้ำสาย บริเวณคอสะพาน เพื่อป้องกันน้ำทะลักท่วมซ้ำ ขณะที่ด่านชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ฝั่งท่าขี้เหล็ก เปิดให้ข้ามแดนได้ตามปกติ โดยน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สาย ลดลงเกือบทุกพื้นที่ แต่ทิ้งความเสียหายไว้จำนวนมาก อย่างตลาดสายลมจอย ตลาดสินค้าชายแดน ร้านค้าต่างๆ เต็มไปด้วยดินโคลน พ่อค้าแม่ขายในตลาดเริ่มเก็บล้างทำความสะอาดร้านค้ากันบ้างแล้ว อย่างพี่สายพิน บอกว่า เมื่อวานนี้น้ำมาเยอะมาแรง จนกำแพงอาคารที่ใช้เป็นพนังกันน้ำชั่วคราวแตก แต่ทหารช่างอุดไว้ได้ และมีการเก็บสินค้าออกไปล่วงหน้า จึงไม่เสียหายมากนัก จากภาพมุมสูงด้านชุมชนทางฝั่งขวาของสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อย่างชุมชนเกาะทราย ไม้ลุงขน และชุมชนเหมืองแดง ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในบางพื้นที่ อย่างบริเวณห้าแยกเกาะทราย ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่คาดว่าภายในวันนี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ.-สำนักข่าวไทย

ตร.ไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์

บช.สอท. 29 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ เชิญชวนคนไทยร่วมโพสต์แชร์ และแสดงพลังออนไลน์ ด้วยข้อความภาษาอังกฤษ พร้อมติด #TruthFromThailand ร่วมกันสื่อสารให้โลกได้รับรู้ว่าเราไม่ได้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมแพ้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่สถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายงานข่าวจากหลายสำนักและบทวิเคราะห์ของนักวิชาการนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความขัดแย้งดังกล่าวกับปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ขอชี้แจงว่า ภารกิจสำคัญของเราคือ การปกป้องประชาชนไทยจากภัยคุกคามทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่ายฟอกเงิน โดยจับกุมผู้ต้องหาที่เข้ามาทางด่านสระแก้วจัมผู้ต้องตามหมายจับ 13 ราย เป็นคดีที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน อีก 7 ราย มีร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาหลอกลวงพี่น้องประชาชน และจะมีกลับเข้ามีอีก 200 กว่านายจะเดินทางกับเข้ามา แต่เมื่อ สถานการณ์ไม่น่ากลัวและทราบว่าจะมีการหยุดยิงจึงไม่เดินทางกับ แต่ยังมีการหลอกลวงทั้งในและต่างประเทศ โดยตลอดปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีต่อเครือข่ายเหล่านี้อย่างจริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมายภายในประเทศ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการเงิน การดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มทุนสีเทา พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนในหลายคดีที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงกับ กลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในกัมพูชา […]