คปภ. มอบห้อง Negative Pressure พร้อมเครื่องมือแพทย์ สู้ภัยโควิด-19 ให้ รพ.รัฐ 22 แห่ง

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – คปภ. รวมพลัง ศิษย์เก่า วปส. สมทบทุนช่วยบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19  สร้างห้อง Negative Pressure พร้อมมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลรัฐ 22 แห่ง ทั่วประเทศ


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ได้เป็นประธานในพิธีมอบห้อง Negative Pressure พร้อมมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลของรัฐ จำนวน 22 แห่ง โดยมีคณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. ผู้แทนศิษย์เก่านักศึกษาหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) และผู้แทนจากโรงพยาบาลต่าง ๆ เข้าร่วมพิธีเพื่อรับมอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ ห้องประชุมสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การใช้ชีวิตของประชาชน และที่สำคัญสะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยที่ต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยทุ่มเทแรงกายแรงใจในการตรวจรักษา เฝ้าระวัง ตลอดจนควบคุมการระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด ดังนั้น เมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2563 สำนักงาน คปภ. จึงได้ประชุมหารือร่วมกับศิษย์เก่านักศึกษาหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 1-9 (Thailand Insurance Leadership Program) ซึ่งเป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยการศึกษาตามหลักสูตรดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านการประกันชีวิต การประกันวินาศภัย การบริหารจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากมุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อพัฒนาระบบประกันภัยไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน


ทั้งนี้ จากการหารือมีความเห็นสอดคล้องร่วมกันว่า เนื่องจากปัจจุบันยังมีโรงพยาบาลของรัฐอีกหลายแห่งที่ยัง ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการป้องกันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อใช้ในการรักษาดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้จัดทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมและสาธารณประโยชน์ขึ้น ตามโครงการ “คปภ. รวมพลัง วปส. เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัย COVID-19” โดยร่วมกันบริจาคเงินและสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลของรัฐที่มีความจำเป็นและต้องการเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 22 แห่ง ทั่วประเทศ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,585,020.25 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนแปดหมื่นห้าพันยี่สิบบาทยี่สิบห้าสตางค์) ดังนี้

1. บริจาคเงินสร้างห้องความดันลบ (Negative Pressure) จำนวน 1 ห้อง ให้กับโรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นถาวรวัตถุที่จะคงอยู่และใช้ประโยชน์เพื่อการรักษาพยาบาลประชาชนต่อไป


2. ตู้ตรวจเชื้อแบบความดันบวก (Positive Pressure) จำนวน 1 ตู้ และตู้ตรวจเชื้อแบบความดันลบ (Negative Pressure) จำนวน 1 ตู้ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

3. หน้ากากอนามัย N95 จำนวน 2,500 ชิ้น/ชุด Protective Cover All จำนวน 2,000 ชุด/ชุด Isolation Gown จำนวน 1,000 ชุด/และถุงมือยาง จำนวน 1,400 กล่อง สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ตู้อบรังสี UVC สำหรับ อบหน้ากากจากกลุ่ม SOS to Medical Staff in COVID–19 แอลกอฮอล์ 75% สำหรับล้างมือ จากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 ลิตร และแอลกอฮอล์ทำความสะอาด จำนวน 2,200 ลิตร จากบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าว ได้ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาล จำนวน 22 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลปัตตานี โรงพยาบาลยะลา โรงพยาบาลกระบี่ โรงพยาบาลชะอวด โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โรงพยาบาลราชบุรี โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลสุโขทัย โรงพยาบาลแม่ออน โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลหลังสวน โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ โรงพยาบาลแม่สอด โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โรงพยาบาลดอนเจดีย์ โรงพยาบาลสตูล โรงพยาบาลจะนะ โรงพยาบาลอรัญประเทศ โรงพยาบาลชุมแพ และ โรงพยาบาลบางพลี

“สำนักงาน คปภ. ขอขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ทุ่มเทสรรพกำลังในการดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงครอบครัวของผู้ปฏิบัติงานที่เสียสละอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และขอขอบคุณศิษย์เก่าหลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่น 1–9 กลุ่ม SOS to Medical Staff in COVID-19 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมแรงร่วมใจบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤตการณ์โควิด-19 ไปด้วยกัน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]