ครม.เห็นชอบประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 63 วงเงินกว่า 300 ล้านบาท คุ้มครอง7 ภัยธรรมชาติและศัตรูพืช

ทำเนียบรัฐบาล 12 พ.ค. – ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีผลิต 63 สานต่อจากปีผลิต 62 คุ้มครอง 7 ภัยธรรมชาติและภัยศัตรูพืช-โรคระบาด


นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2563 วงเงินงบประมาณ 313.98 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินในโครงการฯ ปีการผลิต 2562 จำนวน 48.21 ล้านบาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 265.77 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. ทดลองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันแทนรัฐบาล จำนวน 265.77 ล้านบาท และให้ ธ.ก.ส. เบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงิน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ธ.ก.ส. บวกร้อยละ 1 ในปีงบประมาณถัดไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐในการรองรับต้นทุนการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ   

ทั้งนี้ โครงการนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต 2562 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้


1.พื้นที่เป้าหมายรับประกันภัยโครงการฯ ปีการผลิต 2563 รวม 3 ล้านไร่ ปรับลดลง 3 แสนไร่ และกำหนดให้ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทุกพื้นที่ โดยกำหนดนิยามผู้เอาประกันภัย คือ เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในปีการผลิต 2563/2564 จากเดิมที่กำหนดให้ ปีการผลิต 2562/63 รับประกันภัยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่มีเอกสารสิทธิ์

2.ค่าเบี้ยประกันภัย รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์

1)ค่าเบี้ยประกันภัย Tier 1 (รวม 2.9 ล้านไร่) ค่าเบี้ยประกันภัย 172.27 บาทต่อไร่ เท่ากันทุกพื้นที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ  กลุ่ม 1 ลูกค้า ธ.ก.ส. ทุกราย ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่เกิน 2.8 ล้านไร่ (ประกันภัยกลุ่ม) และกลุ่ม 2 ลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และเกษตรกรทั่วไป ไม่เกิน 1 แสนไร่ (ประกันภัยรายบุคคล) โดยรัฐจะเป็นผู้จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยให้ทั้ง 2 กลุ่ม จำนวน 108.27 บาทต่อไร่ ส่วนที่เหลืออีก 64 บาทต่อไร่ ในกลุ่ม 1 ธ.ก.ส. เป็นผู้จ่ายให้ ส่วนกลุ่ม 2 เกษตรกรต้องจ่ายเอง


2)ค่าเบี้ยประกันภัย Tier 2 เกษตรกรจ่ายเองตามระดับความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ (รวม 1 แสนไร่) ปรับลดจำนวนพื้นที่จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 แสนไร่ เบี้ยประกันภัยในแต่ละพื้นที่ คือ พื้นที่เสี่ยงภัยต่ำ 97.37 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงภัยปานกลาง 108.07 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงภัยสูง 118.77 บาทต่อไร่ 

ส่วนวงเงินความคุ้มครอง ครอบคลุม

1) ภัยพิบัติธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยช้างป่า  วงเงินคุ้มครองในพื้นที่ Tier1 จำนวน 1,500 บาทต่อไร่  พื้นที่ Tier2 จำนวน 240 บาทต่อไร่  แต่รวมแล้วไม่เกิน 1,740 บาทต่อไร่

2) ภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด วงเงินคุ้มครองในพื้นที่ Tier1 จำนวน 750 บาทต่อไร่  พื้นที่ Tier2 จำนวน 120 บาทต่อไร่  แต่รวมแล้วไม่เกิน 870 บาทต่อไร่

ระยะเวลาการขายประกันภัย แบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบที่ 1 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการฯ – วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และ รอบที่ 2 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 15 มกราคม 2564 โดยลูกค้า ธ.ก.ส. เริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ส่วนลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ไม่ได้รับสินเชื่อและเกษตรกรทั่วไป คุ้มครองตั้งแต่วันที่ขอเอาประกันภัย

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดความคุ้มค่า และบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าเบี้ยประกันภัยมากขึ้น เพื่อสร้างวินัยในการเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งเพื่อช่วยลดภาระงบประมาณที่ใช้ในการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยลง ซึ่งถือเป็นหลักการที่สำคัญประการหนึ่งในการดำเนินโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรเช่นเดียวกับโครงการประกันภัยข้าวนาปี . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง